16 มกราคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ มีอยู่ มีกิน มีใช้ โดยกระทรวงยุติธรรม ตามคำเชิญของ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ณ ลานพิกุล มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส และพบปะนักศึกษาและผู้ปกครอง ที่เข้าร่วมงานฯ กว่า 2,000 คน โดยมี นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, พันตำรวจโทวรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน, ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, แม่ทัพภาคที่ 4, อธิบดีกรมบังคับคดี, อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ, หัวหน้าหน่วยราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชาติ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ร่วมให้การต้อนรับ
สำหรับงานมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ มีอยู่ มีกิน มีใช้ จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงยุติธรรม ภายใต้การนำของ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดย กรมบังคับคดี และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ร่วมกันเชิญชวนลูกหนี้ กยศ. เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งมีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โดย ลูกหนี้ กยศ. ที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ การปลดภาระผู้ค้ำประกัน, ขยายการผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 15 ปี ชำระเสร็จตามสัญญาลดเบี้ยปรับร้อยละ 100 ดอกเบี้ยร้อยละ 1 เบี้ยปรับร้อยละ 0.5 ส่วนกรณีผู้กู้ยืมที่ถูกบังคับคดี กยศ. จะงดการบังคับคดี และผู้ค้ำประกันถูกบังคับคดี กยศ. จะถอนการบังคับคดี และจากผลการดำเนินงานภาพรวมในปี 2567 ลูกหนี้ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้เข้าร่วมทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว 33,123 ราย ทำให้งานมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ฯ สามารถช่วยแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน, หนี้ กยศ. และเป็นการระงับข้อพิพาททางเลือกได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งช่วยยุติปัญหาได้โดย ไม่จำเป็นต้องขึ้นศาล และเพื่อให้ผู้กู้ยืมสามารถชำระเงินคืนกองทุนได้อย่างต่อเนื่องจนหมด
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มาไกล่เกลี่ยปรับโครงสร้างหนี้ ในวันนี้ ถือเป็นการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติก่อให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน ตามนโยบายเร่งด่วน ข้อแรกที่รัฐบาลจะผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจซึ่งจะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจไทยยังเติบโตน้อยกว่าศักยภาพที่มีอยู่จริง อันเนื่องมาจากปัญหาหนี้สินเรื้อรัง ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้นทุกที เราจะเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็น ความหวัง โอกาส และความเสมอภาคทางเศรฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตาม ดิฉันขอฝากไปยังท่านเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหารือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่าจะทำอย่างไร ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการไกล่เกลี่ยปรับโครงสร้างหนี้ โดยไม่ต้องเดินทางมายังจังหวัด อาจจะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือ AI เขามาช่วย หรือมอบอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานราชการที่ใกล้ชิดพี่น้องประชาชนมากที่สุด เป็นหน่วยรับเรื่องเพื่อปรับโครงสร้างหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ได้ อีกทั้ง จะได้เป็นพื้นที่ต้นแบบในการที่จะนำไปปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนประเภทอื่น ๆ เช่น กลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ ที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้เช่นกัน
ทางด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าวันนี้ได้ร่วมกับกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และเจ้าหนี้ฝ่ายต่างๆ โดยเราอยากจะลดภาระหนี้ให้กับประชาชน โดยจะให้ประชาชน มีอยู่ มีกิน มีใช้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะให้มีอยู่มีกินมีใช้ก็คือการลดภาระหนี้และแกนี่ให้กับประชาชน โดยวันนี้มีการเปิดตัวที่นราธิวาส และที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือการปรับโครงสร้างหนี้ของ กยศ. ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีประมาณ 120,000 คน และผู้ค้ำอีก 120,000 คน รวมเฉลี่ยแล้วเกือบ 300,000 คน โดยหนี้ก้อนนี้เป็นหนี้เด็กกับผู้สูงอายุ ดังนั้นการปรับโครงสร้างหนี้ในครั้งนี้จะสามารถลดภาระหนี้ได้มากถึง 1,500 -2,000 ล้าน และที่สำคัญคือจะปลดผู้ค้ำทั้งหมดประมาณ 150,000 คน เป็นการลดภาระหนี้ ตลอดจนหนี้อื่นๆ และที่สำคัญเรามีการแก้หนี้มานานแล้ว เราต้องการให้ประชาชนมีกินมีใช้ด้วย โดยเงินที่มีอยู่ก็จะให้อยู่ในกระเป๋า ซึ่งจะมีการพัฒนาในรูปแบบต่างๆ โดยจะทำอย่างไรให้ได้สร้างงานสร้างอาชีพ โดยเฉพาะลูกหนี้ กยศ. เรามีความคิดว่าบางครั้งต้องทำงานรัฐที่มันมีงบที่มีโครงการเข้าไปทำ เพื่อเป็นการช่วยเหลืออย่างแท้จริง และที่สำคัญต้องยอมรับว่าที่เป็นหนี้โดยเฉพาะการเป็นหนี้เราต้องใช้หนี้ แต่ต้องให้อยู่ได้ ซึ่งวันนี้รัฐบาลให้ความสำคัญและเป็นนโยบายอันดับแรก โดยกระทรวงยุติธรรมก็ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนทางผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อจะให้ความทุกข์ของประชาชนลดลง เพราะเราเชื่อว่าประชาชนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ต่อมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้างานด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดตามโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก และโครงการรถไฟทางคู่หาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส
สถานะปัจจุบัน คือ 1. กรมทางหลวงขอรับจัดสรรงบประมาณ จำนวน 160 ล้านบาท จากสำนักงบประมาณ และได้รับจัดสรรงบประมาณ 3 ปี ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 32 ล้านบาท และะผูกพันงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และ พ.ศ. 2570 ปีงบประมาณละ 64 ล้านบาท 2. หลังจากการปรับแก้ไขแบบ ซึ่งฝ่ายมาเลเซียผู้ออกแบบจัดทำปริมาณงาน (BOQ) และคำนวณราคาสำหรับการจัดซื้อจัดจ้าง มีการปรับวงเงินเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่กรมทางหลวงเคยได้รับจัดสรรงบจากสำนักงบประมาณ กรมทางหลวงจึงจำเป็นต้องพิจารณาทบทวนรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอยู่ระหว่างเจรจาหาข้อยุติกรอบวงเงินร่วมกับ Public Work ของฝ่ายมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2568
ส่วนกรณีโครงการรถไฟทางคู่หาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้พิจารณาขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง เพื่อดำเนินงานศึกษาความเหมาะสม โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก ระยะเวลาศึกษา 360 วัน ซึ่งสถานะปัจจุบัน ได้จัดทำร่างขอบเขตงานและราคากลางงานจ้างศึกษาเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานจ้างที่ปรึกษา ซึ่งนายกรัฐมตรีได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรม เพราะเชื่อว่าจะทำให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจมหาศาล
นูอารีซ๊ะ ยะยือริ รายงาน