ข่าวรัฐสภา

กมธ.พาณิชย์ฯ วุฒิสภา จัดนิทรรศการ “แนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม” มุ่งขับเคลื่อนวิสาหกิจเพื่อสังคมให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน

กมธ.พาณิชย์ฯ วุฒิสภา จัดนิทรรศการ “แนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม” มุ่งขับเคลื่อนวิสาหกิจเพื่อสังคมให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน

วันที่ 16 มกราคม 2567 เวลา 08.45 นาฬิกา ณ บริเวณหน้าห้องประชุมวุฒิสภา ชั้น 2 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา จัดแสดงนิทรรศการ เรื่อง “แนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม” โดยมี พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวเปิดนิทรรศการ นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการลงทุนและเศรษฐกิจฐานราก กล่าวรายงาน พร้อมด้วย สมาชิกวุฒิสภา คณะอนุกรรมาธิการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด และตัวแทนวิสาหกิจเพื่อสังคม เข้าร่วมในพิธี
.
พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ได้มีการพิจารณาศึกษาและจัดทำรายงานการศึกษา เรื่อง “แนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562” ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะได้นำเสนอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อนำเสนอผลการศึกษาเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562 ดังนั้น การจัดนิทรรศการในครั้งนี้จึงเป็นการแสดงผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดนิทรรศการในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม อันจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจฐานราก และเศรษฐกิจของประเทศที่มั่นคง ยั่งยืนต่อไป
.
นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการลงทุนและเศรษฐกิจฐานราก กล่าวว่า วิสาหกิจเพื่อสังคมในประเทศไทยเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อประมาณ พ.ศ. 2552

เนื่องจากรัฐบาลและหน่วยงานในภาคส่วนต่าง ๆ ได้เล็งเห็นความสำคัญของแนวคิดเรื่องวิสาหกิจเพื่อสังคม และนำมาปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจของประเทศไทย โดยเห็นว่า วิสาหกิจเพื่อสังคมจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยฟื้นฟูและพัฒนาสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืนได้ ประเทศไทยมีองค์กรที่มีลักษณะเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากนัก มีลักษณะการดำเนินกิจการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนและเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภายในท้องถิ่น หรือกลุ่มสหกรณ์ที่ทำการเกษตรแบบพอเพียง ทั้งนี้ จะมีการแบ่งผลกำไรคืนสู่สมาชิกและชุมชนอย่างเป็นธรรม เน้นความซื่อสัตย์ และการแบ่งปันรวมทั้งผู้ด้อยโอกาสในชุมชนสังคมได้รับประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ส่งผลให้ชุมชนและสังคมรอบ ๆ ดีขึ้น แต่ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ทางสังคมได้ในวงกว้าง เนื่องจากกิจการส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก เป็นธุรกิจที่อยู่ในระยะเริ่มต้น ยังต้องการการสนับสนุนและการพัฒนากลไกในการขับเคลื่อนกิจการให้มีความเข้มแข็ง แนวทางในการบริหารจัดการและการรับมือกับปัญหาหรืออุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งยังมีความจำเป็นที่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเป็นอย่างมาก ตลอดจนการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในวิสาหกิจเพื่อสังคมให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้วิสาหกิจเพื่อสังคมดำเนินอยู่ได้อย่างมีประสิทธิผลและยั่งยืนคือ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดบทบาทของภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคม และวางมาตรการสร้างแรงจูงใจให้กับผู้เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนก็มีความสำคัญไม่แพ้กันในการให้การสนับสนุน ทั้งในด้านเงินทุน และการถ่ายทอดความรู้ และทักษะ ความเชี่ยวชาญ (knowledge transfer) ส่งเสริมให้มีการลงทุนเพื่อสังคม (Social Impact Investment) ที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ทางสังคม ดังนั้น การจัดนิทรรศการในวันนี้เป็นการแสดงถึงบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนา และส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม และเพื่อเป็นการเผยแพร่และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนา และส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม และวางกลไกที่เหมาะสมสำหรับการช่วยเหลือสนับสนุน และส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมอันจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจฐานราก และเศรษฐกิจของประเทศที่มั่นคง ยั่งยืน

ภาพ/ข่าว ฤทธิรณ ปัญญากาบ ทีมข่าวไทยเกอร์นิวส์ รัฐสภา รายงาน