ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวมุกดาหาร ข่าวรอบรั้วภูธร ข่าวเด่น นิตยสารตำรวจ สถานีประชาชน

มุกดาหารเปิดงานประเพณีแข่งเรือยาวออกพรรษา เชื่อมความสัมพันธ์ 2 ฝั่งโขง “ตีช้างน้ำนอง แข่งเรือยาวโบราณ สานประเพณีสองฝั่งโขง เชื่อมโยงไหลกะจู้” ชิงถ้วยพระราชทานฯ

มุกดาหารเปิดงานประเพณีแข่งเรือยาวออกพรรษา เชื่อมความสัมพันธ์ 2 ฝั่งโขง (ตีช้างน้ำนอง แข่งเรือยาวโบราณ สานประเพณีสองฝั่งโขง เชื่อมโยงไหลกะจู้) ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2567 ณ บริเวณลานหน้าท่าเทียบเรือ ท่าข้ามเทศบาลเมืองมุกดาหาร

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 08.00 น. นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน แข่งเรือยาวออกพรรษาชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2567 ภายใต้วลี “ตีช้างน้ำนอง แข่งเรือยาวโบราณ สานประเพณีสองฝั่งโขง เชื่อมโยงไหลกระจู้” ที่ ณ บริเวณลานหน้าท่าเทียบเรือ ท่าข้ามเทศบาลเมืองมุกดาหาร โดยมีคณะจากแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวนำโดย ท่าน หลิงทอง แสงตาวัน รองเจ้าแขวงสะหวันนะเขต และได้รับเกียรติจาก กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขตพร้อมคณะ จากแขวงสะหวันนะเขต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร ส่วนราชการ และพี่น้องประชาชนร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงาน

นางสุวรรณี ตั้งปณิธานนท์ นายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร กล่าวว่า ประเพณีแข่งเรือออกพรรษา เป็นงานประเพณีประจำปีที่สำคัญอันดับหนึ่งของจังหวัดมุกดาหาร ที่เทศบาลเมืองมุกดาหารได้จัดกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำนุบำรุงศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมอันดีงาม ส่งเสริมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและกีฬาเรือพายของจังหวัดมุกดาหาร และที่สำคัญยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนชาวแขวงสะหวันนะเขต สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวกับชาวจังหวัดมุกดาหารให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ในพิธีเปิดงาน (15 ตุลาคม 2567) ยังมีพิธีอัญเชิญถ้วยพระราชทานทางบก โดยประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหารชาวเรือและชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร และพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง อันได้แก่ศาลหลักเมืองมุกดาหารศาลเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมืองศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้องและพระเจ้าองค์หลวง และพิธีเบิกน่านน้ำ

ทั้งนี้การแข่งเรือยาวประเพณีออกพรรษาจังหวัดมุกดาหาร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 -17 ตุลาคม 2567 นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนให้คึกคัก และยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์จังหวัดชายแดนสองฝั่งโขงให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นอีกด้วย.