14 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดสำโรงเหนือ ต.สำโรงกลาง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หลังทราบเรื่องราวที่พระลูกวัดได้นำฐานโลงศพ จำนวน 6 ฐาน มาทำเป็นที่นั่งรอบโบสถ์ เพื่อเป็นกุศโลบาย สอนคนที่เดินทางมาที่วัด สำหรับคนที่ไม่คิดอะไรก็จะมานั่งมานอนตามปกติเหมือนที่นั่งตัวหนึ่ง แต่ถ้าคนที่ยึดติดกับสิ่งนั้นก็มักจะกังวลว่าฐานโลงศพของใครแล้วเขาจะมานั่งหรือมาตามทวงไหม
**** จากการสอบถามวัยรุ่นแถววัด บอกว่า พวกตนก็ไม่รู้สึกว่าแปลอะไร ก็รู้สึกปกติ ถ้าเป็นตอนเช้าก็ไม่กลัว แต่ถ้าเป็นกลางคืนพวกตนก็จะไม่มา แต่ปกติถ้าเป็นกลางคืนก็จะไม่มีใครมาอยู่แล้วแถวนี้ เนื่องจากน่ากลัวและอยู่ในวัดด้วย พวกตนก็ไม่แน่ใจว่ากลางคืนจะมีคนเข้ามานั่งหรือผ่านตรงนี้ไหมเพราะกลางคืนพวกตนไม่ได้เข้ามาส่วนมาจะเข้ามาช่วงกลางวัน
พระธนะภัทธ์ ขันติธโร พระลูกวัดสำโรงเหนือ กล่าวว่า ฐานโลงศพนี้ทำมาจากไม้สัก ปกติหลวงพี่จะขอมาทั้งฝาทั้งโลงและขาลองด้วย แต่ถ้าเราของไปหมดโยมก็อาจจะเกรงใจเรียกว่าไม่สามารถให้ได้ หลวงพี่ ก็เลยขอแค่ขาโลง เอามาใช้ประโยชน์ เขาเรียกว่าเป็นกุศโลบาย อย่างแรกก็คือ บางสิ่งที่เราว่ามองเห็นแล้วไร้ค่า แต่คนอื่นมองแล้วอาจจะมีค่ามากที่สุดของเขา แล้วข้อสองคือ ถ้าเผื่อเรามานั่งแล้ว คิดว่ามันเป็นขาโลงไม่กล้านั่งเดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นมา ถ้าเรายังยึดว่ามันเป็นขาโลงก็ไม่กล้า แต่ที่จริงแล้วมันก็คือสิ่งที่เรียกว่าที่นั่ง ถ้าเรามองรูปลักษณ์ ยังยึดติดว่ามันเป็นโลงของคนอื่นไม่กล้า งั้นเราต้องปลงก่อนว่า มันเป็นแค่ขาหรือเป็นที่นั่งอย่างเดียว แต่ถ้าเราไปยึดติดว่านี้มันเป็นขาโลงเราก็ไม่กล้านั่งเพราะเรากลัว คนเรากลัวผีอยู่แล้ว
หลวงนี้ได้นำขาโลงมาทำเป็นที่นั่งได้ 1 ปีแล้ว โดยตอนแรกเรามีแค่ขาเดียว ตั้งอยู่ตรงสำนักงาน ถ้าเอามาตั้งตรงนี้อันเดียวมันรู้สึกเคว้งคว้าง ก็จะไม่มีคนกล้านั่ง แต่พอเริ่มหาขาโลงจากวัดใกล้เคียง ก็เริ่มทยอยเพิ่มขึ้นมาจนตอนนี้ที่วัดก็มีอยู่ 6 ขา ก็เลยเอามาตั้งใกล้ ๆ กัน พอเอามาตั้งใกล้ ๆ กันแล้วมันรู้สึกเหมือนมีเพื่อนโยมก็สามารถนั่งแล้วก็นอนได้ ส่วนใหญ่ช่วงพักกลางวันโยมก็จะมานอนกัน ตอนแรก ๆ ก็มีโยมถาม ว่านั่งได้ไหมจะไม่มีอะไรใช่ไหม เวลานั่งแล้วจะไม่มีใครมานั่งด้วยใช่ไหม อะไรประมาณนั้น หลวงพี่ก็ตอบไปว่าไม่มีหลอกโยม เพราะว่าคนเราเมื่อตายจากที่แล้วเขาก็ไปจุติที่อื่น แล้วก็ไม่ได้มีห่วงที่นี้หลอก โยมนั่งได้ตามสบาย ถ้าเผื่อมีหรือโยมเห็นบอกหลวงพี่ด้วยนะ