วันที่ 13 ธันวาคม 2561
ไทย – ลาว ร่วมใจ จัดงานครบรอบ 50 ปี สานสัมพันธ์ด้านพลังงาน จากสายส่งไฟฟ้าแรงสูงต้นแรก สู่การพัฒนาสายส่งไฟฟ้าอาเซียนในอนาคต
ไทย – ลาว ร่วมใจ จัดงาน “50 ปี สายส่ง สานสัมพันธ์ พลังงาน ลาว – ไทย มั่นยืน” รำลึกเหตุการณ์สำคัญ
ในอดีต จุดเริ่มต้นสัมพันธภาพพลังงานไฟฟ้าสองฝั่งโขง พร้อมผนึกพลังสานต่อความมั่นคงไฟฟ้าสู่อาเซียนในอนาคต และร่วมอนุรักษ์และปลูกฝังการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้หลอด LED ประหยัดพลังงาน เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของประชาชนสองฝั่งโขง
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยและ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) มีความสัมพันธ์ด้านพลังงานกันมายาวนานนับจากวันที่ 16 ธันวาคม 2511 ซึ่งถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ ด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิดสายส่งไฟฟ้าแรงสูงจากฝั่งไทย (จ.หนองคาย) ข้ามไปยังฝั่งลาว (นครหลวงเวียงจันทน์) ร่วมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าชีวิตศรีสว่างวัฒนา แห่งราชอาณาจักรลาว ณ แพปะรำพิธีกลางแม่น้ำโขง จ.หนองคาย นับเป็นครั้งแรกของอาเซียนที่มีการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าระหว่างประเทศ จากวันนั้นจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 50 ปีที่ไทยและสปป.ลาว ได้ร่วมมือเชื่อมระบบไฟฟ้าระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า การพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้า การซื้อขายไฟฟ้า การแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเทคนิควิชาการ การพัฒนาบุคลากรระหว่างการไฟฟ้าของทั้งสองประเทศ
โดยปัจจุบันได้ขยายการรับซื้อไฟฟ้าจาก 1,500 เมกะวัตต์ เมื่อปี 2536 เป็น 9,000 เมกะวัตต์ รวมทั้งมีการพัฒนาการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบไฟฟ้าของทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน โดยเชื่อมโยงสายส่งระหว่าง กฟผ. – รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (ฟฟล.) ทั้งหมด 6 จุด ได้แก่ ท่าแขก-นครพนม 22 kV., สะหวันนะเขด-มุกดาหาร 22 kV.,โพนต้อง-หนองคาย 115 kV., บังเยาะ-สิรินธร 115 kV., ปากบ่อ-มุกดาหาร 115 kV. และท่าแขก-นครพนม 115 kV. และมีการเชื่อมโยงสายส่งไทย – สปป.ลาว เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) ในสปป.ลาว เช่น โรงไฟฟ้าเทิน-หินบุน, โรงไฟฟ้าห้วยเฮาะ, โรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2,โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2, โรงไฟฟ้าหงสา เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายระบบไฟฟ้าทั่วทั้งอาเซียน (ASEAN Power Grid) โดยมีโครงการซื้อขายไฟฟ้าสปป.ลาว – ไทย – มาเลเซีย โดยสปป.ลาว ขายไฟฟ้าให้มาเลเซียผ่านระบบส่งไฟฟ้าของไทยไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ เริ่มนำร่องตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 และภายหลังจากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 36 (AMEM) เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สปป.ลาว – ไทย – มาเลเซีย ได้ตกลงขยายกรอบความร่วมมือพหุภาคีโครงการซื้อขายไฟฟ้า โดยจะเพิ่มปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าจาก 100 เมกะวัตต์ เป็น 300 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้า 4 ประเทศ จากสปป.ลาวไปสิงคโปร์ โดยผ่านระบบสายส่งของไทยและมาเลเซีย นับเป็นก้าวสำคัญของการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วทั้งภูมิภาคนี้สามารถพึ่งพากันได้ในด้านพลังงาน และผลักดันเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวต่อว่า ในปีนี้นับเป็นโอกาสพิเศษที่ครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ด้านพลังงานไทย – ลาว กระทรวงพลังงานของไทย และกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ของสปป.ลาว พร้อมทั้ง กฟผ. ฟฟล. และ จ.หนองคาย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรำลึกถึงรัฐพิธีเปิดสายส่งไฟฟ้าแรงสูงต้นแรก โดยจัดงานขึ้นทั้งในฝั่งไทยและฝั่งลาว ระหว่างวันที่ 13 – 14 ธันวาคม 2561 ภายใต้ชื่องาน “50 ปี สายส่ง สานสัมพันธ์ พลังงาน ลาว – ไทย มั่นยืน” โดยในวันที่ 13 ธันวาคม 2561 กิจกรรมช่วงเช้าในฝั่งไทย ได้แก่ กิจกรรมนุ่งไทยใส่บาตรริมแม่น้ำโขง ที่ชุมชนตลาดท่าเสด็จ จ.หนองคาย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และพิธีเปิดนิทรรศการ “50 ปี ท่าเสด็จรำลึก ดุจแสงทองสาดส่องสองฝั่งโขงมหานที” ณ ชุมชนตลาดท่าเสด็จ อ.เมือง จ.หนองคาย เพื่อรำลึกถึงรัฐพิธีเปิดสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับกิจการด้านพลังงาน รวมถึงวิถีชีวิตของประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโขงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีพิธีรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9 โดยได้รับเกียรติจาก อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และ อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติ ร่วมกันขับลำนำบทสดุดีกวีรำลึก และมีกิจกรรมจากชุมชนตลาดท่าเสด็จอีกมากมาย โดยนิทรรศการดังกล่าวจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ ระหว่างวันที่ 13 – 16 ธันวาคม 2561
สำหรับกิจกรรมช่วงบ่ายจัดขึ้นที่ฝั่ง สปป.ลาว ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไทย ท่านปริญญาเอกคำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่สปป.ลาว ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทย ดร.สนอง ทองซะนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมิตรภาพ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงพลังงานไทย เอกอัครราชทูตไทยประจำสปป.ลาว และผู้ว่าการ กฟผ. ร่วมกิจกรรม “ร่วมประหยัดพลังงานวันนี้ เพื่ออนาคตและสิ่งแวดล้อมที่ดีวันหน้า” โดยร่วมเปลี่ยนหลอด LED ประหยัดพลังงาน ณ โรงพยาบาลมิตรภาพ นครหลวงเวียงจันทน์ ทั้งนี้ กฟผ. สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 1,652,240 บาท บาท เพื่อเปลี่ยนหลอด LED ประหยัดพลังงาน จำนวน 4,793 หลอด ซึ่งภายหลังการติดตั้งแล้วเสร็จจะช่วยให้โรงพยาบาลมิตรภาพสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 393,816 หน่วยต่อปี คิดเป็นค่าไฟฟ้าที่ลดลงประมาณ 1,070,597 บาทต่อปี และช่วยบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 257 ตันต่อปี นับเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นพื้นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับประชาชนทั้งสองฝั่งโขงในรุ่นต่อไป
ต่อมาในวันที่ 14 ธันวาคม 2561 ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย และ ฯพณฯ ทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว ให้เกียรติร่วมเปิดและชมนิทรรศการ “50 ปี ความมั่นคงจากอดีต ปัจจุบัน สู่อนาคต” พร้อมทั้งมีการเสวนาเชิงวิชาการ ภายใต้หัวข้อ “ความมั่นคงจากเสาส่งต้นแรกสู่ปัจจุบัน และอนาคตที่มั่นยืน” โดยมีผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์รัฐพิธี เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2511 จากทั้งฝั่งไทยและสปป.ลาว ร่วมเสวนา ณ หอประชุมแห่งชาตินครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว
“50 ปี ความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าระหว่างไทยกับลาว ช่วยส่งเสริมให้ระบบไฟฟ้าของทั้งสองประเทศมีความมั่นคง เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และจะสานต่อความร่วมมือในการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบไฟฟ้าของทั้งสองประเทศ เพื่อพัฒนาต่อยอดให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายระบบไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) เชื่อมโยงถึงกันครอบคลุมทั้งภูมิภาค ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต” นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวในที่สุด