14 มกราคม 68 ที่อาคารศูนย์กลางการประชุมสัมมนาภาคใต้ตอนบน ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุ 26,469 วัน เท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี ในวันที่ 14 มกราคม 2568 เป็น “วันสมมงคล” พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ และประชาชนทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมพิธี
พิธีประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พร้อมถวายธูปเทียนแพ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกล่าวถวายราชสดุดีพระเกียรติถวายพระพรชัยมงคล ตามด้วย ดนตรีบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ประธานสงฆ์ให้ศีล ศาสนพิธีกรอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และพระสงฆ์อนุโมทนา ถวายอดิเรก จากนั้น ผู้นำทางศาสนาคริสต์ จำนวน 10 ท่าน ประกอบพิธีอธิษฐานภาวนาขอพร และผู้นำศาสนาอิสลาม จำนวน 10 ท่าน ประกอบพิธีดุอาอ์ขอพร และ หลังเสร็จสิ้นพิธีถวายพระพรชัยมงคล 3 ศาสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำผู้เข้าร่วมพิธี ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระสงฆ์ 73 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและสิริมงคล
สำหรับพระราชพิธี “สมมงคล” เป็นราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงถือปฏิบัติสืบกันมา เป็นการบําเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระบรมราชบูรพการี โดยพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ จะทรงอนุสรณ์คํานึงถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมราชบูรพการีในวาระต่าง ๆ โดยโอกาสที่เวียนมาเป็นครั้งแรกมักเรียกว่า “สมมงคล” หรือ “สมภาคา” ซึ่งหมายถึง “เสมอกัน” และถ้าเวียนมาเป็นครั้งที่สองเรียกว่า “ทวิภาคา” หรือ “ทวีธาภิเษก” โดยปรากฏแนวปฏิบัติเกี่ยวกับพระราชพิธีลักษณะนี้ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ที่บําเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระบรมราชบูรพการีของพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ นอกจากโอกาสวันดํารงสิริราชสมบัติเวียนมาพ้องกับวันสําคัญดังที่กล่าวมาแล้ว ยังมีพระราชประเพณีที่ทรงถือปฏิบัติในอีกหลายวาระ และวาระหนึ่งที่สําคัญ คือ วันที่พระชนมพรรษาเวียนไปเสมอเท่ากัน และ วันที่พระชนมพรรษามากกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งในรัชกาลที่ล่วงไปแล้ว ถือเป็นภาพลักษณ์ แสดงวัฒนธรรมที่ดีงามของพระมหากษัตริย์ไทย ในการที่ทรงสร้างแบบอย่างความกตัญญูกตเวทิตา แสดงความเคารพรําลึกถึงบรรพชนปู่ย่าตายายที่ประกอบคุณความดีไว้แก่บ้านเมือง ให้ราษฎรยึดถือเป็นแบบแผนพระราชประวัติ พระปรีชาสามารถ และที่ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนําความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่อาณาประชาราษฎร์และความเจริญรุ่งเรืองมาสู่บ้านเมือง.
