สองหนุ่มชาว อ.บ้านด่าน บุรีรัมย์ แอบขโมยคานผานหน้ารถไถนาของชาวบ้านที่ถอดวางไว้ แล้วเอาไปขายร้านของเก่า ชาวบ้านเห็นตามไปพบ แจ้งตำรวจตามจับได้ทันควัน สารภาพเอาไปขายหวังเอาเงินมาซื้อเบียร์ ฉลองในวันวาเลนไทน์ ขณะตำรวจตั้งข้อหาหนัก ตามจับอีกหนึ่งที่หลบหนี
วันที่ 13 ก.พ.62 ตำรวจ สภ.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีโจรขโมยโครงเหล็ก”คานผานหน้ารถไถ”(คานเหล็กรับผานหน้ารถไถสำหรับดันดิน)คาดว่าจะนำไปขายให้กับร้านขายของเก่าที่ อ.บ้านด่าน
หลังรับแจ้ง พ.ต.ท ศุกชัย ศรีหาจันทร์ รองผกก.(สืบสวน)สภ.แคนดง บุรีรัมย์ พร้อมชุดสืบสวนได้ติดตามบุคคลต้องสงสัยตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน ว่าเห็นคนร้ายจำนวน 2 คน ขนเหล็กใส่รถเข็นพ่วงรถจักรยานยนต์แล้วขับออกไป
กระทั่งสืบทราบและเข้าจับกุมนายสมเกียรติ ซึมรัมย์ อายุ31ปี ชาวบ้านหมู่ 10 ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน บุรีรัมย์ ได้ภายในบ้านพัก โดยนายสมเกียรติ ถึงกับหน้าถอดสี หลังพบตำรวจเข้าไปพบ
นายสมเกียรติ รับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ ตนเองกับนายหนุ่ม อายุ 23 ปีคนบ้านเดียวกัน ได้หารือกันว่าอยากได้เงินมาซื้อเบียร์ดื่มฉลองวันวาเลนไทน์ แต่คิดไม่ออก จึงขับรถจักรยานยนต์ ตระเวนหาลาดเลา ไปตามหมู่บ้านต่างๆ จนเข้าเขต ต.หัวฝาย อ.แคนดง
กระทั่งพบคานผานรถไถ ที่ชาวบ้านถอดไว้ท้ายหมู่บ้าน และคิดว่าเป็นเหล็กเก่าของชาวบ้านที่ไม่เอาแล้ว จึงกลับบ้านไปเอารถเข็น พ่วงรถจักรยานยนต์กลับไปขนผานรถไถขึ้นรถ แล้วนำมาขายร้านขายของเก่า ที่ อ.บ้านด่าน ชั่งได้น้ำหนัก 200 กก.คิดเป็นเงิน 1,100 บาท
ดีใจที่ได้เงินมาฟรีๆ จึงเอาเงินที่ได้มาทั้งหมด ซื้อเบียร์มาดื่มฉลองกันเลยโดยไม่รอให้ถึงวันวาเลนไทน์ กระทั่งมาถูกตำรวจจับดังกล่าว
ด้านนายพร้อมพงศ์ อาศีลรัมย์ อายุ37ปี เจ้าของคานผานรถไถ เล่าว่าตนเองเตรียมจะปรับพื้นที่นาเพื่อทำเล้าไก่ จึงเอาคานผานมาไว้ติดตั้ง เพียงแค่วันเดียวก็หายไป ประกอบกับไม่คิดว่าใครจะขโมย เพราะมีน้ำหนักเกือบ 200 กิโลกรัม ถึงตอนนี้ตนเองรู้สึกดีใจที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้และได้คานพานคืน เนื่องจากถ้าซื้อใหม่ราคาเกือบ 20,000 บาท
ขณะที่ พ.ต.ท ศุกชัย ศรีหาจันทร์ รองผกก.(สืบสวน)กล่าวว่าอยากจะฝากถึงเกษตรกร ให้เก็บเครื่องมือการเกษตรให้เข้าที่เข้าทาง เพื่อที่จะไม่ล่อตาล่อใจคนร้าย โดยเฉพาะหน้าแล้งทุกปี มักจะมีโจรออกอาละวาดขโมยเครื่องจักรกลทางการเกษตร ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ได้ของคืน
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหา “ลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นจากการจับกุม”ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คนที่หลบหนีคาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆนี้
ข่าว-ภาพ วันชัย ผิวอร่าม / วาทิตย์ แสนธุปี ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์