12 พฤศจิกายน 67 พ.ต.อ.วิเชียร วชิรแสงไพโรจน์ ผกก.1 บก.ทท.2 สั่งการให้ พ.ต.ท.วโรดม ใบเรือ รอง ผกก.1 บก.ทท.2 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณัฐภัทร สุขชื่น สว.กก.1 บก.ทท.2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการสืบสวนหาข่าวบัญชีม้า ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.ฐากูร นิ่มสมบุญ ผบก.ทท.2 , พ.ต.อ.อัมรินทร์ อัมพรมหา , พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ โชติกลาง รอง ผบก.ทท.2
กระทั่งสืบทราบว่า มีผู้ต้องสงสัยได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก เพื่อขายรถจักรยานยนต์ หลอกลวงให้โอนเงินมาแล้วปิดเพจหนี อีกทั้งยังพบว่ามีการทำการปลอมแปลงเอกสารคู่มือรถจักรยานยนต์เป็นชื่อตัวเอง แล้วนำไปขายที่เพจตนเอง โดยอ้างว่ามีรถจริงส่งจริง แต่เมื่อมีคนหลงเชื่อโอนเงินไปเพื่อซื้อขายรถแล้วก็จะบ่ายเบี่ยงว่ารถยังไม่พร้อมส่ง แล้วปิดเพจหนี มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวน กก.1 บก.ทท.2 ได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่า นายณัฐวุฒิ หรือบอม พรหมแสงใส อายุ 23 ปี ชาว ต.พยุห์ อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5161/2567 ลงวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2567 จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ นายณัฐวุฒิ หรือบอม พรหมแสงใส ผู้ต้องหา อยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ จึงได้แสดงตัวและแสดงหมายจับให้ทราบ พร้อมทำการจับกุมตัว นายณัฐวุฒิ ตามหมายจับศาลดังกล่าว ในข้อหากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตโดยหลอกหลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันปลอมเอกสารราชการและร่วมกันใช้เอกสารราชการการปลอม (บัตรประจำตัวประชาชนและรายการจดทะบียนรถจักรยานยนต์) ” จากนั้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2 บช.สอท. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ยังพบว่ามีหมายจับข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถาน หรือรับของโจร ของ สภ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ อีกด้วย.
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ รายงาน