12 กรกฎาคม 67 พ.ต.อ.ปริญญา ชัยเววา ผกก.สภ.นิคมอุตสาหกรรม, พ.ต.ท.มรกต ศิริชัย รอง ผกก.สส.สภ.นิคมอุตสาหกรรม สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรม ร่วมกันจับกุม นายประสิทธิ์ฯ ผู้ก่อเหตุลักทรัพย์(สายไฟฟ้า) โดยมีพฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมอุสาหกรรม ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใคร ได้ไปลักทรัพย์สายไฟฟ้าที่เดินในอาคารบ้านที่กำลังก่อสร้างใหม่จำนวนหลายหลัง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนร้ายได้ทำความเสียหายต่อระบบการเดินสายไฟฟ้าทั้งหลังเพื่อลักสายไฟฟ้าไปขายเป็นเศษทองแดง แต่ผู้ทำการก่อสร้างต้องรื้อเดินสายไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด สร้างความเสียหายนับแสนบาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนหาตัวคนร้ายรายนี้มาโดยตลอด
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ค.67 เวลา 03.30 น. ได้รับแจ้งเหตุว่ามีการลักทรัพย์(สายไฟฟ้า) ในสถานที่ก่อสร้างอาคาร ใกล้หอพักภาวนาแมนชั่น ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพผู้ก่อเหตุได้ ชุดสืบสวน สภ.นิคมฯ จึงได้ทำการติดตามตรวจสอบเส้นทางที่ผู้ก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์หลบหนี และสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องสงสัยเป็นชาย ชื่อ นายประสิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) ดังกล่าว จึงได้เข้าไปตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัย เมื่อวันที่ 10 ก.ค.67 เวลา 10.30 น. จากการตรวจค้นพบของกลางสายไฟทองแดง จำนวน 3 ก้อน(ม้วนเป็นก้อน) สายไฟอลูมิเนียม จำนวน 2 ก้อน(ม้วนเป็นก้อน) ฉนวนหุ้มสายไฟ(ปลอกแล้ว)จำนวนหนึ่ง เสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าแตะที่ใช้ในวันก่อเหตุ พร้อมคีม จำนวน 1 อัน
นายประสิทธิ์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุดังกล่าว และได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้วจำนวน 2 ครั้งคือครั้งที่1 เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.67 บริเวณสถานที่ก่อสร้างบ้าน(ใกล้วัดแสล่ง ต.มะเขือแจ้) และครั้งที่2 เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.67 สถานที่ก่อสร้างบ้าน(บ้านป่าเป้า ต.มะเขือแจ้) และได้นำสายทองแดงบางส่วน นำไปขายให้กับร้านขายของเก่าในพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน จึงพาตัวผู้ก่อเหตุมายัง สภ.นิคมฯ แล้วได้ทำการขอตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในร่างกาย ปรากฏว่ามีสารเสพติดในปัสสาวะ จึงได้นำตัวพร้อมของกลางส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.นิคมฯ ดำเนินการกฎหมาย โดยแจ้งข้อกล่าวหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ”และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมายนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.นิคมอุสาหกรรม ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สถานีตำรวจภูธรนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดลำพูน จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน หากท่านใดเป็นผู้เสียหาย หรือได้รับความเสียหาย สามารถเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ สภ.นิคมอุตสาหกรรม และฝากเตือนผู้ประกอบการร้านค้าของเก่าให้ตรวจสอบรายละเอียดทรัพย์สินที่มีผู้มาขายให้ว่า เป็นทรัพย์สินที่ลักมาหรือไม่ หากรับซื้อไว้โดยไม่มีเหตุอันสมควรอาจจะได้รับโทษในความผิดฐาน “รับของโจร”