พะเยา นายกติดตามการพัฒนาหนองเล็งทรายแม่ใจ
นายกรัฐมนตรี ติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำหนองเล็งทราย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา โดยได้เน้นในเรื่องการติดตามแก้ปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง เช่นที่หนองเล็งทรายแห่งนี้ ซึ่งได้เสนอแผนในการพัฒนา โดยใช้งบประมาณราว 370 ล้านบาท โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดถึงแนวทางและการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะทำให้พื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำ เป็นธนาคารน้ำของทั้งประเทศ ซึ่งต้องอาศัยการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ เดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดพะเยา โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เดินทางไปสักการะพระพุทธรูปพระเจ้าตนหลวง ที่วัดศรีโคมคำ พระอารามหลวง ตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา โดยมีประชาชนในจังหวัดพะเยามารอให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรี ได้แวะพบปะทักทายประชาชน จากนั้น นายกรัฐมนตรีเข้าสักการะพระพุทธรูปพระเจ้าตนหลวง กราบสรีระสังขารพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปวง รมมปญโญ) และเข้านมัสการพระสุนทรกิตติคุณ ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำพระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอเมืองพะเยา
จากนั้นได้เดินทางมาตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาหนองเล็งทราย ที่หนองเล็งทราย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ซึ่งจุดนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีประชาชนชาวพะเยาจำนวนมากมารอต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางมาถึงตอน 10.05 น. ทันทีที่เดินทางมาถึง ก็ตรงเข้าไปพูดคุยทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง ซึ่งนายกมล เชียงวงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้รายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล ทั้งโครงการที่ก่อให้เกิดการส่งเสริมการลงทุน เช่นการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย จังหวัดแพร่ ถึงเชียงของ จังหวัดเชียงราย ที่ผ่านพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดพะเยา (เมือง/ดอกคำใต้/ภูกามยาว) การยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าบ้านฮวก อำเภอภูซาง เป็นจุดผ่านแดนถาวร และการดำเนินการของจังหวัดพะเยาต่อนโยบายเร่งด่วนสำคัญของรัฐบาล ทั้งสถานการณ์โรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งไม่มีผู้ป่วยที่มีโรคติดต่อ เรื่องสถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่ได้มีการบูรณาการทุกหน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ และเรื่องสถานการณ์ภัยแล้ง ที่ในปีนี้ได้ขอความร่วมมือเกษตรกรงดปลูกข้าวนาปรัง ที่จากเดิมกว่า 7 หมื่น 1 พันไร่ เหลืออยู่ 1 หมื่น 7 พันไร่ หรือลดพื้นที่ปลูกได้ราวร้อยละ 76 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเกษตรกร และคาดการณ์ว่าจังหวัดพะเยาจะบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ได้จนถึงเดือนกรกฎาคมในปีนี้
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้รับฟังบรรยายสรุปเรื่องของการบริหารจัดการน้ำหนองเล็งทราย จากอธิบดีกรมชลประทาน และการเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้ง จากอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ก่อนจะพบปะพูดคุยกับประชาชนชาวพะเยาที่มารอต้อนรับ โดยได้กล่าวถึงแนวทางในการขับเคลื่อนให้ภาคเหนือ เป็นธนาคารน้ำ ในการบริหารจัดการสำหรับพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ในพื้นที่จังหวัดพะเยาและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ด้วยวิธีการเพิ่มความจุของแหล่งน้ำสำคัญ โดยดำเนินการขุดลอก ลดความตื้นเขิน จากดินโคลนและตะกอนทราย รวมทั้งยังสั่งการให้มีการจัดหาที่ดิน เพื่อจัดทำอ่างเก็บน้ำ เพื่อเป็นการฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่ในการกักเก็บน้ำ ให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากน้ำด้านการเกษตร สร้างรายได้ให้กับชุมชน และสามารถบรรเทาปัญหาภัยแล้งในระยะยาว เป็นการสร้างความเข้มแข็งในการบริหารจัดการน้ำ
จากนั้นได้เยี่ยมชมนิทรรศการสินค้าโอทอปของจังหวัดพะเยา พบปะกลุ่มสตรีสหกรณ์บริการพัฒนาอาชีพสตรีเมืองพะเยา และติดตามแผนการพัฒนาหนองเล็งทราย ซึ่งทางกรมชลประทานโดยส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 1 สำนักเครื่องจักรกลชลประทาน ได้เตรียมพร้อมเครื่องจักรขนาดใหญ่ประจำการที่หนองเล็งทราย เพื่อดูดตะกอนดินทราย และแก้ไขปัญหาน้ำตื้นเขิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเป็นพื้นที่รองรับน้ำ แก้ปัญหาภัยแล้ง