เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ธ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดสดเทศบาลตำบลกำแพง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ นายประวิทย์ จารุรัชกุล หรือผู้ใหญ่เฮง ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม และที่ปรึกษา รมช.มหาดไทย พร้อมด้วย นายปริโชติ จารุรัชกุล สมาชิกสภา อบจ.ศรีสะเกษ และคณะ นำชาวบ้านเดินขบวนรณรงค์ประชาสัมพันธ์สนับสนุนโครงการ 10,000 บาท ดิจิทัล วอลเลต พร้อมชูป้ายที่มีข้อความว่า เราต้องการเงิน 10,000 บาท ,ชาวศรีสะเกษขอ สนับสนุนเงินดิจิตอลวอลเลต 10,000 บาท ,รวมพลคนเอาเงินหมื่น ,100 คนค้าน 50 ล้านคนคอย เงินสายชูธง เดินพบปะชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าในตลาด และหมู่บ้าน/ชุมชน ภายในเขตพื้นที่ อ.อุทุมพรพิสัย อ.เมืองจันทร์ และอ.ห้วยทับทัน เพื่อให้ประชาชนรับรู้สิทธิประโยชน์ของโครงการดังกล่าว
นายประวิทย์ จารุรัชกุล หรือผู้ใหญ่เฮง เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ “ประชาชน สนับสนุน 10,000 บาท ดิจิทัล วอลเลต” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต ว่าไม่ใช่เพียงการแจกเงิน แต่เป็นการใช้จ่ายเงินดิจิทัล เพื่อช่วยหมุนเวียนเศรษฐกิจในท้องถิ่น ช่วยให้เศรษฐกิจเกิดการขยายตัว ช่วยแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน ได้มีเงินในการสร้างอาชีพอย่างยั่งยืน โดยมีการเดินรณรงค์ถือป้ายประชาสัมพันธ์ไปทั่วเมือง ทั้งในเขตชุมชน และตลาดสด ตลาดโต้รุ่ง เพื่อสร้างความเข้าใจกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาเดินซื้อของ ให้เข้าถึงจุดประสงค์ในการแจกเงินดิจิทัล วอลเลต
โครงการดิจิทัล วอลเลต เงิน 10,000 บาท เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่การแจกเงิน เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยและสุดท้ายเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยการนำของนายกเศรษฐา ทวีสิน และพรรคร่วมรัฐบาล มีความเห็นร่วมกันว่า ประเทศไทยที่ผ่านมานั้น คนไทยประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและปากท้อง จำเป็นจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่พร้อมกันทั่วประเทศ ประชาชนมากกว่า 50 ล้านคน แม้คนส่วนหนึ่งที่พอมีฐานะแต่คนส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นชาวบ้านธรรมดาไม่มีรายได้ ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือรัฐบาลจึงจะมอบเงิน 10,000 บาทให้ได้ใช้จ่าย จากเดิมที่เคยบอกไว้ว่าภายในรัศมี 4 กิโลเมตร ก็ปรับเป็นพื้นที่ภายในอำเภอ ท่านอยู่อำเภอใดท่านก็ใช้จ่ายภายในอำเภอนั้น
โครงการนี้มีระยะเวลาให้ใช้ภายใน 6 เดือน และเป็นการให้พ่อค้าแม่ค้าได้ขายสินค้าของตัวเอง ได้ให้ประชาชนที่อยู่ในอำเภอของตัวเองได้จับจ่ายใช้สอยได้ขายให้คนในชุมชน เป็นการใช้จ่ายพร้อมกันทั่วประเทศ เงินก็จะหมุนเวียนในท้องตลาด หมุนเวียนให้กับพี่น้องประชาชน และรัฐบาลก็จะจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นและมีเงินบริหารประเทศชาติมากขึ้น แต่เนื่องจากมีหลายกลุ่มหลายองค์กรมีความไม่เห็นด้วยกับ นโยบายนี้ จำเป็นที่พี่น้องคนไทยจะช่วยกันรณรงค์ให้เกิดความเข้าใจตรงกัน รัฐบาลไม่มีเจตนาอย่างอื่น ไม่ใช่การแจกเงินเพื่อหาเสียง เป็นการมอบเงินให้พี่น้องคนไทยเพื่อลืมตาอ้าปากได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง นอกเหนือจากนโยบายอื่นๆที่มีอยู่มากมาย
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน