น้อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเยาวชน 13 หมูป่าออกจากถ้ำหลวง ทั้งชาวไทยและทั่วโลก ในงาน “ รวมใจเป็นหนึ่งเดียว United as One”
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในงาน “รวมใจเป็นหนึ่งเดียว United as One” พร้อมขอบคุณผู้ปฏิบัติหน้าที่
ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
นายกรัฐมนตรีน้อมนำพระราชกระแสรับสั่งให้กำลังใจแก่ราษฎรและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ขอให้รักษาสติ สมาธิ ปัญญาในการปฏิบัติภารกิจ โดยภารกิจจะสำเร็จเรียบร้อยก็ต่อเมื่อทุกคนออกมาและกลับสู่ครอบครัวด้วยความปลอดภัย
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2561 เวลา 18.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงาน “รวมใจเป็นหนึ่งเดียว United as One” ขอบคุณผู้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมี รองศาสตราจารย์ นราพร จันทร์โอชา ภริยา พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ประธานองค์กรอิสระ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ หัวหน้าส่วนราชการ เอกอัครราชทูต ผู้ช่วยทูตทหาร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้สนับสนุนจากต่างประเทศ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนจิตอาสาที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ นักฟุตบอลทีมเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี โอกาสนี้ พลโท วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย พลตรี ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3 , พลตรี จิรเดช กมลเพ็ชร ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1/ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง, พันเอก นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง, พันเอก กิดากร จันทรา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 , พันเอก มีชัย นิลศาสตร์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานด้วย ณ พระลานพระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานครเมื่อนายกรัฐมนตรีและภริยา เดินทางถึง พระลานพระราชวังดุสิต ได้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์พร
ะบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้น นายกรัฐมนตรีขึ้นบนเวที ถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วเปิดกรวยกระทงดอกไม้ จบแล้ว ถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและกล่าวยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ปฏิบัติหน้าที่ ต่อด้วยผู้แทนแต่ละกลุ่มขึ้นรับสำเนาพระราชกระแสทรงขอบใจเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวความตอนหนึ่งว่า รัฐบาลขอบคุณน้ำใจและความเสียสละของทุกฝ่าย ที่ช่วยให้ภารกิจสำเร็จ สะท้อนให้เห็นถึงการรวมพลังทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่พร้อมช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน ตลอดระยะเวลา 18 วัน ในการช่วยเหลือนักฟุตบอลเยาวชนและผู้ฝึกสอนทีมหมูป่า อะคาเดมี ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงห่วงใย และทรงติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด และมีพระราชกระแสรับสั่งให้กำลังใจแก่ราษฎรและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ขอให้รักษาสติ สมาธิ ปัญญาในการปฏิบัติภารกิจ โดยภารกิจจะสำเร็จเรียบร้อยก็ต่อเมื่อทุกคนออกมาและกลับสู่ครอบครัวด้วยความปลอดภัย พร้อมทั้งพระราชทานความช่วยเหลือทั้งพระราชทรัพย์ อุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ เสบียงอาหาร ตลอดจนพระราชทานแนวทางในการทำงานและแก้ไขปัญหา ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี พร้อมกันนี้ ขอสดุดีแด่ความกล้าหาญของนาวาตรี สมาน กุนัน ผู้เสียสละชีวิตอย่างสมเกียรติของวีรบุรุษ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าความกล้าหาญและคุณความดีของนาวาตรีสมานนั้น จะประทับติดตรึงอยู่ในใจของพวกเราทุกคนตลอดไป
ต่อจากนั้น นักฟุตบอลทีมเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่ ขึ้นบนเวทีกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและขอบคุณคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ ใจความหนึ่งว่า ขอบคุณทุกคนที่เสียสละ ทุ่มเทกายใจช่วยให้พวกเราออกมาจากถ้าได้อย่างปลอดภัย และซาบซึ้งถึงความห่วงใยและน้ำใจทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ ดังนั้นจะตอบแทนพระคุณทุกท่านด้วยการดำเนินชีวิตต่อไปให้ดีที่สุด บนพื้นฐานการเป็นคนดี เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ และเป็นลูกศิษย์ที่ดี ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและเป็นพลเมืองที่ดี
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีและภริยาเดินทักทายผู้ปฏิบัติหน้าที่ฯ ที่มาร่วมงานและเยี่ยมชมร้านอาหารพระราชทาน ก่อนที่นายกรัฐมนตรีและภริยาจะร่วมรับประทานอาหารพร้อมกับผู้ร่วมงาน อีกทั้ง ชมการแสดงบนเวที ซึ่งเมื่อจบการแสดง นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยผู้ร่วมงานร่วมร้องเพลงสามัคคีชุมนุม จบแล้ว ดนตรีบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีเสร็จภารกิจนายกรัฐมนตรีและภริยาเดินทางกลับ
การจัดงานเลี้ยงขอบคุณครั้งนี้ รัฐบาลได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้พระลานพระราชวังดุสิตเป็นสถานที่จัดงานในวันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน 2561 เวลา 18.00 – 21.00 น. และพระราชทานอาหารจัดเลี้ยง เป็นอาหารไทยและอาหารนานาชาติ เช่น แกงเขียวหวานพริกขี้หนู แกงมัสมั่น เป็ดย่างลูกทุ่ง ขาหมู – หมั่นโถ ขาหมูเยอรมัน หมูสะเต๊ะ ปอเปี๊ยะทอด ไก่ทอด สเต๊กไก่ สลัดไก่ บาร์บีคิว ซูชิ ซาชิมิ กุ้งอบเกลือ กระเพาะปลา เกี๊ยวกุ้ง ผัดไทย ไส้อั่ว ทองหยิบ ทองหยอด เสน่ห์จันทร์ บุหลันดั้นเมฆ จ่ามงกุฎ ม้าฮ่อ หรุ่ม ฯลฯ เครื่องดื่ม ประกอบด้วย เครื่องดื่มอเมซอน อินทนิล น้ำอ้อยสด และแดงโซดา ในส่วนของรัฐบาลได้จัดอาหารสมทบ เช่น ก๋วยเตี๋ยว (ก๋วยเตี๋ยวแกง เย็นตาโฟ เป็ด ปลา น้ำตกหมู – เนื้อ ราดหน้า ก๋วยจั๊บ) อาหารอีสาน (ส้มตำ – ไก่ย่าง ลาบ น้ำตก ไส้กรอก สารพัดยำ หอยครก) และเครื่องดื่ม (กาแฟโบราณ ชาเย็น น้ำตาลสด) เป็นต้น
โดยมีการเตรียมความพร้อมเริ่มตั้งแต่การนำผู้เข้าร่วมงานและผู้เกี่ยวข้องทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ จำนวนประมาณ 10,000 คน ผ่านจุดคัดกรอง การรับรอง และการนำเข้าสู่ที่นั่ง ซึ่งเป็นการจัดงานในเต็นท์ทั้งหมด แต่ได้รับการตกแต่งให้อบอุ่นเหมือนนั่งอยู่ในห้องจัดเลี้ยงใหญ่ ๆ การจัดพิธีรับพระราชทานพระราชกระแสทรงขอบใจเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เต็นท์บริการอาหารพระราชทานและเต็นท์อาหารรัฐบาล จุดบริการทางการแพทย์และพยาบาล การรักษาความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ รวมทั้งเต็นท์อำนวยการ และภาพรวมทั้งหมด สำหรับการซักซ้อมการแสดงบนเวทีที่เตรียมไว้ เป็นการขับร้องเพลงที่เน้นการสร้างพลังแห่งการทำความดี ความสามัคคี โดยวงดนตรีจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล