Reporter&Thai Army ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวปราบยาเสพติด ข่าวรอบรั้วภูธร ข่าวเชียงใหม่ ข่าวเด่น นิตยสารตำรวจ สถานีประชาชน

(มีคลิป) ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวจับยกแก๊งขบวนการขนยาไอซ์ 602 กก. จับยาบ้า 100,000 เม็ดสภ. แม่พริกลำปาง

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวจับยกแก๊งขบวนการขนยาไอซ์ 602 กก. จับยาบ้า 100,000 เม็ดสภ. แม่พริกลำปาง

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 เวลา 11.30 น. ที่ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี, พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ฝ่ายทหาร นบ.ยส.35 รองผบ.นบ.ยส.35 รองผบ.กองกำลังผาเมือง สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 รวมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาลำเลียงยาเสพติด ดัดแปลงรถยนต์เป็นช่องลับซุกซ่อนยาเสพติดจับกุมผู้ต้องหา 5 คนรถยนต์ 5 คัน รถนำทาง 2 คัน รถตู้ดัดแปลงซ่อนยาไอซ์ 3 คัน พื้นที่จังหวัดแพร่และเชียงราย ของกลางยาไอซ์ 452 กก. ยอดรวมแก๊งขบวนการขนยาไอซ์รวม 602 กก.

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชปส.ภ.จว.เชียงราย, กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ บูรณาการร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง จับกุมตัวผู้ต้องหา 3 คน รถยนต์ 2 คัน พร้อมไอซ์ จำนวน 150 กก. ในพื้นที่ จ.เชียงราย จากการสืบสวนขยายผล พบว่ามีรถยนต์ของกลุ่มขบวนการเครือข่ายดังกล่าวอีกจำนวน 5 คัน เกี่ยวข้องกับการลำเลียงยาเสพติด โดยเป็นรถยนต์นำ สำรวจเส้นทาง จำนวน 2 คัน และรถยนต์ตู้ดัดแปลงเป็นที่ซุกซ่อนยาเสพติดอีก จำนวน 3 คัน จึงตั้งเป็นเป้าหมายการสืบสวน โดยมี พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5 เป็นผู้ควบคุมสั่งการ

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ส.ค.67 เวลาประมาณ 08.00 น. พบรถยนต์ขบวนการลำเลียงทั้ง 5 คัน ออกจากพื้นที่จ.เชียงราย มุ่งเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยใช้เส้นทางรอง ผ่านพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย, อ.ป่าแดด จว.เชียงราย – อ.จุน, อ.ดอกคำใต้, อ.เมืองพะเยา จว.พะเยา – อ.งาว จว.ลำปาง และเข้าสู่พื้นที่ จว.แพร่ ตำรวจภูธรภาค 5 จึงสั่งการสกัดจับกุม

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ส.ค.67 เวลาประมาณ 12.00 – 14.00 น. ภ.จว.แพร่, กก.สส.3 บก.สส.ภ.5, ภ.จว.ลำปาง บูรณาการร่วมกับหน่วยเกี่ยวข้อง สามารถสกัดรถยนต์ขบวนการลำเลียงยาเสพติดได้ จำนวน 3 คัน โดยเป็นรถยนต์นำทางได้ 2 คัน และรถยนต์ตู้บรรทุกยาเสพติด 1 คัน ในพื้นที่ จ.แพร่ และ จ.ลำปาง คือ

คันที่ 1 รถยนต์ตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา เลขทะเบียน 6173 กรุงเทพฯ มีนายไกรสร หรือโจฯ อายุ 43 ปี ภูมิลำเนา
ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ จ.ตาก เป็นคนขับ ตรวจค้นพบไอซ์ 150 กก. ซุกซ่อนบริเวณช่องลับดัดแปลงบริเวณหลังคารถเป็นที่ ซุกซ่อนยาเสพติด บริเวณด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่

คันที่ 2 รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว เลขทะเบียน 8161 กรุงเทพฯ มีนายจรัสพงษ์ หรือเอกฯ อายุ 41 ปี ภูมิลำเนา ต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย เป็นคนขับ ซึ่งเป็นรถยนต์นำทางคันที่ 1 ได้ในพื้นที่ จ.แพร่

คันที่ 3 รถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว เลขทะเบียน 8643 เชียงราย มีนายอนุชา หรือฮัก อายุ 29 ปี ภูมิลำเนาต.ทุ่งก่อ อ.เวียงเชียงรุ้ง จว.เชียงราย เป็นคนขับ และมีนายธนพล หรือเอียด อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา ต.บางเมืองใหญ่
อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เป็นผู้โดยสาร ซึ่งเป็นรถยนต์นำทางคันที่ 2 ได้ในพื้นที่ จ.ลำปาง

ส่วนรถยนต์ตู้อีก 2 คัน ได้กลับรถออกจากพื้นที่ จ.แพร่ ผ่านพื้นที่ จ.พะเยา มุ่งหน้าเข้า จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจชปส.ภ.จว.เชียงราย และ กก.สส.ภ.จว. เชียงใหม่ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถสกัดจับกุมรถยนต์ตู้ทั้ง 2 คันได้ในพื้นที่ อ.ป่าแดด – อ.เทิง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 3 ส.ค.67 คือ คันที่ 1 รถยนต์ตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา เลขทะเบียน 871 กรุงเทพฯ มีนายจักรกริช อายุ 53 ปี ภูมิลำเนา ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เป็นคนขับ ตรวจค้นพบไอซ์ 150 กก. ซุกซ่อนบริเวณช่องลับดัดแปลงบริเวณหลังคารถเป็นที่ซุกซ่อนยาเสพติด บริเวณ ต.ป่าแงะ อ.ป่าแดด จ.เชียงราย, คันที่ 2 รถยนต์ตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว เลขทะเบียน 9352 กรุงเทพฯ ตรวจยึดขณะจอดซุกซ่อนในป่า พื้นที่ ต.เชียงเคี่ยน อ.เทิง จ.เชียงราย เชื่อว่ามีนายอ๊อด ภูมิลำเนา อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เป็นคนขับ ได้จอดรถทิ้งไว้แล้ววิ่งหลบหนีไป ตรวจค้นพบไอซ์ 150 กก. ซุกซ่อนบริเวณช่องลับดัดแปลงบริเวณหลังคารถเป็นที่ซุกซ่อนยาเสพติด

รวมจับกุมผู้ต้องหา 5 คน รถยนต์ 5 คัน ในพื้นที่ จ.แพร่ และ จ.เชียงราย โดยเป็นรถยนต์นำทาง 2 คัน รถยนต์ตู้ ดัดแปลงซุกซ่อนยาเสพติด 3 คัน ยาเสพติด ชนิดไอซ์ รวมจำนวน 452 กก.

ซึ่งในห้วง 31 ก.ค.- 3 ส.ค.67 ตำรวจภูธรภาค 5 สามารถสืบสวนจับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ได้ผู้ต้องหา รวมจำนวน 8 คน รถยนต์ 7 คัน ไอซ์รวม 602 กก. จะได้ทำการสืบสวนขยายผลผู้เกี่ยวข้องทุกระดับ ตรวจยึดอายัดทรัพย์สินมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อีกรายสภ.แม่พริก จ.ลำปาง ร่วมกับ ศูนย์สกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ภ.5, บก.สส.ภ.5, กก.สส.ภ.จว. ลำปาง และ ฝ่ายปกครอง อ.แม่พริก จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 5 ส.ค.67 เวลาประมาณ 12.00 น. ด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก หมู่ 5 ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริก จ.ลำปาง ตับกุมผู้ต้องหา 1 คน คือ นายสันติ ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.พิษณุโลก พร้อมของกลางยาบ้า 1 แสนเม็ด

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่ากลุ่มเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติด จะใช้รถยนต์ทำการขนยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และได้สั่งการให้ทำการสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมาวันที่ 5 ส.ค.67 พบรถยนต์เป้าหมายจากการสืบสวนได้ขับออกจาก จ.เชียงราย จึงได้เฝ้าติดตาม ต่อมาเวลาประมาณ 10.40 น. รถยนต์เป้าหมาย ได้ขับมาถึงด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกทำการตรวจค้นและขอให้คนขับลงจากรถแต่คนขับได้ขับรถหลบหนีออกไปจากด่านตรวจฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับรถติดตามไปและสามารถสกัดรถยนต์คันดังกล่าวได้ที่บริเวณบ้านแม่เชียงรายบน อ.แม่พริก จ.ลำปาง พบมีนายสันติ เป็นผู้ขับขี่ และแสดงอาการมีพิรุธ หน้าซีด ตัวสั่น คล้ายกับคนมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนไว้ จึงได้นำมาที่ด่านตรวจยาเสพติด สภ.แม่พริกเพื่อทำการตรวจค้นโดยละเอียด พบกระสอบหนึ่งใบวางอยู่ตรงที่พักเท้าเบาะหน้าด้านข้างคนขับ ตรวจสอบภายในกระสอบ พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวนนวนประมาณ 100,000 เม็ด จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพงส.สภ. แม่พริก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยเส้นทางลำเลียงยาบ้า ต้นทาง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย – อ.ดอยสะเก็ด – อ.เมืองเชียงใหม่ – อ.สารภี จ.เชียงใหม่ – อ.แม่ทา จ.ลำพูน – อ.ห้างฉัตร – อ.เมืองลำปาง – อ.เกาะคา – อ.สบปราบ – อ.เถิน จวฝ.ลำปาง ถูกจับกุมที่ด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก จ.ลำปาง ปลายทาง จ.ตาก โดยทำการตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีนี้ รถยนต์ของกลาง 1 คัน, ตรวจยึดรถยนต์ของ ผตห. 1 คันโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง อายัดเงินในบัญชีของผู้ต้องหา จำนวน 26,231.01 บาท รวมมูลค่าทรัพย์ที่ตรวจยึดและ
อายัด ประมาณ 826,231.01 บาท

ซึ่งเครือข่ายนี้ เป็นเครือข่ายของกลุ่มลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดนเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง จะได้เร่งรัดสืบสวนขยายผลหาเครือข่ายผู้ร่วมกระทำความผิดทุกระดับ ขยายผลยึดทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อทำลายเครือข่าย ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อไป .