ตัวแทนกลุ่มวิสาหกิมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม แถลงด้วยน้ำตา หวั่น จนท.รัฐฯรื้นถอนโฮมสเตย์และจะดำเนินคดีกับเจ้าของกิจการ
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2562 ที่ยริเวณลานหมู่บ้านหนองหอย ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้มีสมาชิกฯได้มีการมารวมตัวกันร่วม 100 คนโดยมีนายวิชิต เมธาอนันต์กุล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสือมวลชนว่า หมู่บ้านหนองหอยและชุมชนม่อนแจ่มได้มีประชาชนอาศัยอยู่กว่า 700 หลังคาเรือนประชากรประมาณ 3,000 กว่าคน ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าม้ง โดยได้มาอาศัยอยู่ที่แห่งนี้มากกว่าร้อยปีก่อนสงครามโลกครั้งที่2 ในปี พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ได้เสด็จมาเป็นครั้งแรกและนำถั่วแดงให้ราษฎรปลูกในปี2526 หลังจากนั้นปี 2527 โครงการหลวงได้มาส่งเสริมให้ราษฎปลูกพืชผักกว่า 36 ชนิด เพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น จากนั้นเป็นต้นมาประชาชนในพื้นที่ก็ทำอาชีพเกษตรกรมาโดยตลอด มาในระยะหลังสภาพดินเริ่มเสื่อมการเพาะปลูกต้องใช้ต้นทุนสูง อีกทั้งได้มีสินการเกษตรจากประเทศจีนมาตีตลาดพืชเกษตรไทยทำให้ขาดทุนกันเป็นแถวๆ
จากนั้นประชาชนในพื้นที่ต่างเห็นพร้อมกันว่าควรจะประกอบอาชีพอย่างอื่นมาทดแทนอาชีพเกตรกรรม ในที่ประชุมเห็นด้วยกับการทำที่พักแถวโฉมสเตย์ โดยแต่ละครอบครัวไม่เกิน4 ห้องนอน ที่ผ่านมาทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตินิยมให้ความสนใจมาพักกันอย่างมาก ต่อมาหลังจาก คสช.มาปกครองและบริหารประเทศได้มีเจ้าหน้ากำลังผสมได้มาจับกุมเจ้าของโฮมสเตย์ไปแล้วหลายราย และทราบข่าวล่าสุดว่าจะมีเจ้าหน้าไม่ต่ำกว่า 200 คนจะเข้ามาในพื้นที่อีกในวันที่ 8 กค.นี้ ไม่ทราบว่าจะมาจับกุมพวกเราอีกหรือไม่อย่าง ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มอีกว่าระหว่างที่นายวิชิต แถลงข่าวด้วยเสียงสั่นว่า สมัยตอนเด็กๆปู พ่อ ได้เล่าให้ฟังว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐฯมารังแกพวกเขาตลอดมาถึง 4 รุ่น ตนจึงไปเรียนหนังสือเพื่อมาพัฒนาบ้านแห่งให้เจริญมากยิ่งขึ้น และไม่อยากให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นกับรุ่นลูกรุ่นหลานอีกต่อไปพวกตนพร้อมปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง แต่ขอใก้เจ้าหน้าที่มาชี้จุดทำกินให้ชัดเจนมากกว่าเพื่อพวกเขาจะทำมาหากินด้วยความสบายใจต่อไป
สำหรับโฮมสเย์ บนม่อนแจ่ม มีผู้ประการประมาณ 50 รายจำนวนห้องพักประมาณ 200 ห้องค่าบริกการช่วงฤดูโลซีซั่นอยู่ที่ห้องละ 800 บาทต่อคืนหน้าไฮซีซั่นอยู่ ห้องละ 1,500-2,000 บาทต่อคืน
