ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่บริเวณบ้านเลขที่ 76/6 หมู่ 12 ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก เป็นอาคารพาณิชย์ชั้นเดียวเปิดเป็นร้านขายของชำ ใช้ชี่อร้านว่า “ชัยพร เบ็ดเตล็ด” ภายในร้านก็จะขายของหลากหลาย เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม น้ำอัดลม ขนม ฯลฯ และยังมีป้ายทวงหนี้ถึง 2 ป้าย แต่ที่ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาซื้อของร้านนี้ต้องสะดุดตากับป้ายกระดาษที่แกว่งไปมาและมีถ้อยคำว่า “คนเเซ็นแล้วไม่จ่ายกูเห็นใจมึง มึงไม่เห็นใจกู” พร้อมเขียนชื่อคนที่มาเซ็นเอาของไปแล้วไม่จ่ายโดยระบุชื่ออีกสองราย รวมยอดแล้วกว่า 6,000 บาท ทำให้ลูกค้าที่มาซื้อของร้านนี้ ถึงกับต้องหยุดอ่านและก็อดขำไม่ได้ กับถ้อยคำบนแผงขนมมันระบุได้อย่างชัดเจน
จากการสอบถามลูกค้าที่มาซื้อของร้านนี้ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ก็เห็นป้ายขนมแกว่งไปมามันก็ทำให้สงสัยและต้องจับมันอ่าน แต่พออ่านป้ายที่เขียนไว้ก็รู้สึกไม่กล้าเซ็นนะ แต่พ่อค้าเขาก็นิสัยดี ใครเงินไม่พอก็ให้เชื่อให้เซ็น ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น แต่ดูจากป้ายที่เขียนชื่อเอาไว้ ก็ไม่น่าทำกันขนาดนี้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายไชยพร สวัสดี อายุ 63 ปี เจ้าของร้าน และเป็นผู้ที่เขียนป้ายทวงหนี้เล่าให้ฟังว่า เปิดร้านขายของมาหลายปี ก็เจอลูกค้าทุกรูปแบบ มาเชื่อขอเซ็น ก็ให้ 3-4 วันจ่ายก็มี ขอแค่คนที่มีสัจจะเท่านั้นพอ และเหตุที่ตนเขียนป้ายทวงหนี้ ก็ไม่ได้อะไร เพราะคิดว่ายังไงก็คงไม่ได้คืนเพราะทั้ง 2 คนนี้ติดต่อไม่ได้แล้ว และที่เขียนก็ไม่ได้ว่าใคร แต่แค่อยากจะป้องปรามเอาไว้เพื่อไม่ให้คนที่จะมาเซ็นอีก จริงๆก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอะไรขนาดนั้น ใครไม่มีก็ให้เซ็นขอแค่คนที่รักษาคำพูด บางคนมาไม่มีตังค์มาเลยขอติดไว้ก่อนวันนั้นวันนี้จ่ายก็ไม่ว่า ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น แต่ที่ติดป้ายแบบนี้อยากจะให้คนที่รู้จัก 2 คนนี้ และฝากไปบอกด้วยว่าถ้ามีก็ทยอยใช้หนี้บ้าง เพราะขายของมันก็ได้กำไรอะไรมากมาย เพราะต้องลงทุนเและก็อย่าไปทำแบบนี้กับร้านไหนอีก ใจเขาใจเราเพราะทุกอย่างมันมีต้นทุน
เนรมิต มงคลกิตติกานต์ รายงาน