ศูนย์อำนวยการโครงการกำจัดพืชเสพติด กองทัพภาคที่ 3 โดย กองพลทหารม้าที่ 2 จัดประชุมแถลงแผนโครงการกำจัดพืชเสพติด กองทัพภาคที่ 3 ประจำปีงบประมาณ 2563
วันที่ 5 ก.พ.63 เวลา 10.30 น.
พล.ต. ถนัดพล โกศัยเสวี ผู้บัญชากองพลทหารม้าที่ 1/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ
โครงการกำจัดพืชเสพติด กองทัพภาคที่ 3 เป็นประธานการประชุมแถลงแผนโครงการกำจัดพืชเสพติด กองทัพภาคที่ 3 ประจำปีงบประมาณ 2563 ณ ห้องประชุมทองจัตุ กองกำลังผาเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยการประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เป็นการมอบแนวทางการปฏิบัติให้กับหน่วยในโครงการกำจัดพืชเสพติด กองทัพภาคที่ 3 ตลอดจนซักซ้อมทำความเข้าใจในการเข้าควบคุมพื้นที่ปลูกฝิ่นและการตัดทำลายไร่ฝิ่น โดยมุ่งเน้นเพื่อจัดการกับปัญหา เงื่อนไข อิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ยังคงเหลืออยู่ การเฝ้าระวัง การสร้างความเข้มแข็ง ยั่งยืนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตลอดจนการนำประชาชนและเยาวชนในพื้นที่เข้าร่วมตัดทำลายในแปลงฝิ่นที่ตรวจพบ โดยการปฏิบัติงานด้านการข่าว, การกดดันด้วยกำลัง, การปฏิบัติการจิตวิทยาและการประชาสัมพันธ์รวมทั้งการประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหายาเสพติด
สำหรับพื้นที่เป้าหมายในปีนี้ พบว่าพื้นที่ที่มีการลักลอบปลูกฝิ่นในปีนี้จะมีพื้นที่การปลูกลดลงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากการดำเนินมาตรการป้องกันที่เข้มงวดในช่วงก่อนฤดูการปลูกฝิ่น มาตรการปราบปรามกลุ่มนายทุน ผู้สนับสนุนการปลูกฝิ่น รวมถึงการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาทางเลือกในพื้นที่ปลูกฝิ่นหนาแน่นอย่างต่อเนื่อง และความเจริญที่เริ่มเข้าไปในพื้นที่ทุรกันดารมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างถนนและพัฒนาระบบสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตามความต้องการของผู้เสพและราคาฝิ่นดิบในพื้นที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การปลูกฝิ่นยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในเขต อำเภอแม่ระมาด อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก, อำเภออมก๋อย, อำเภอแม่แตง, อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ในปัจจุบันสถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติดได้ตรวจพบพื้นที่ที่มีการลักลอบปลูกฝิ่นแล้ว จำนวน 12 พื้นที่ จำนวน 202 แปลง 137.49 ไร่ ได้แก่ พื้นที่ อำเภอเชียงดาว, อำเภอแม่แตง, อำเภอแม่แจ่ม, อำเภอเวียงแหง, อำเภอพร้าว, อำเภอไชยปราการ, อำเภออมก๋อย
จังหวัดเชียงใหม่, อำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน และ อำเภอแม่ระมาด, อำเภออุ้มผาง, อำเภอท่าสองยาง, อำเภอบ้านตาก, อำเภอสามเงา จังหวัดตาก
อย่างไรก็ตามปัจจัยและเงื่อนไขที่เป็นแรงจูงใจเนื่องจากราคาค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ลักลอบปลูกฝิ่นยังคงมีการลักลอบปลูกอยู่ แม้จะถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าดำเนินการตัดทำลายอย่างเข้มข้น แต่ก็มีวิธีการและแนวทางในการพัฒนาต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบของเจ้าหน้าที่ จึงเชื่อได้ว่าสถานการณ์ในเรื่องราคาและความต้องการใช้ฝิ่นเพื่อเสพยังคงเป็นแรงจูงใจในการลักลอบปลูกฝิ่นอยู่.
ทรงวุฒิ ทับทอง