ผบ.มทบ.38 น่าน สนธิกำลัง 3 ฝ่าย ตรวจยึดการลักลอบตัดไม้แปรูปไม้เถื่อน…กลางหมู่บ้าน..ของกลางเพียบ
เมื่อวันที่ 5 ม.ค.62 พล.ต.ดุษิต ปุระเสาร์ ผบ.มทบ.38 /ผบ.กกล.รส.จว.น่าน มอบหมายให้ พ.อ.นิรันดร์ชัย ทิพย์กาญจนกุล เสธ.มทบ.38 /เสธ.กกล.รส.จว.น่าน พร้อมเจ้าหน้าที่ ร่วมกับกำลังพล 3 ฝ่าย จำนวน 30 นาย เข้าตรวจพื้นที่เข้า เพื่อตรวจยึดไม้ของกลาง อดีตผู้ใหญ่ลักลอบตัดไม้หวงห้ามแปรรูปกลางหมู่บ้านรอส่งนายทุน มีมวลชนในรวมตัวเตรียมขัดขวางและสามารถตกลงกันได้เหตุการณ์ปกติ
จังหวัดน่าน ที่หมู่บ้านนาก้า หมู่ที่ 1 ต.ยาบหัวนา อ.เวียงสา จ.น่าน ชุดเจ้าหน้าที่สนธิกำลัง ฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ป่าไม้ ภายใต้อำนวยการ นายวรกิตติ ศรีทิพากร ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พล.ต.ดุษิต ปูระเสาร์ ผบ.มทบ.38/ผบ.กกล.รส.จว.น่าน / พ.อ.นิรันดร์ชัย ทิพย์กาญจนกุล เสธ.มทบ.38 /เสธ.กกล.รส.จว.น่าน พล.ต.ต.สัณห์ โพธิ์รักษา ปบก.ภ.จ.น่าน /พ.ต.อ.บัณฑิต อินทุฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.น่าน พ.ต.อ.ประยูรชำนาญคง ผกก.สภ.นาหมื่น รรท.สภ.เวียงสา/นายภูษิต พรหมานพ ผอ. สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่/นายชัยรัตน์ แสงปาน ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า /นายประสิทธิ์ ท่าช้าง ผอ.ศูนย์ป่าไม้น่าน /นายณัฐชนน คนสูง หัวหน้าสายตรวจปราบปราม สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ ประจำ จ.น่าน นายมนตรี พลภักดี หน.ป้องกันรักษาป่าที่ นน. 13 (น้ำสา)/นายกิตติวัฒน์ มั่งมี ปลัดอำเภอ หน.ฝ่ายความมั่นคง อ.เวียงสา / ร.ต.ท.สมบัติ แกล้วกล้า จนท.ตร.กก.4 ปกส./ พ.ต.ท.อุทัย วงค์คำแสน รอง ผกก.กก.สส.นปทส.ภ.จ.น่าน/พ.ต.ต.พรเทพ ป่าหวาย สว.นปพ.ภ.จ.น่าน/พร้อมพวก ร่วมกับจนท.ทหาร มทบ.38/จนท.ทหาร ม.พัน 15 /จนท.ตชด.324/จนท.อส.อ.เวียงสา และจนท.หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ(พยัคฆ์ไพร)กรมป่าไม้
เจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมาย เกี่ยวกับการป่าไม้ตามที่ได้รับหนังสือร้องเรียน ผ่านระบบจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ http://111.go.th รหัสเรื่อง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และตามหนังสือศูนย์ดำรงธรรม จ.น่าน กรณีการลักลอบค้าไม้และตัดไม้ผิดกฎหมาย ประเภทไม้ประดู่ และไม้เนื้อแข็งในเขตป่าสงวนบ้านนาก้า ของนายอินทอง นันทะกำ อดีต ผญบ.แล้วนำไปซุกซ่อนที่บ้าน นายอินปัน ขันทรักษ์ บริเวณบ้านนาก้า หมู่ที่ 1 ต.ยาบหัวนา อ.เวียงสา เพื่อรอขายให้นายทุนที่จะเข้ามาในพื้นที่เวลากลางคืน โดยใช้รถบรรทุกลักษณะคล้ายรถบรรทุกข้าวโพดเป็นยานพาหนะ ในการเคลื่อนย้ายไม้ออกจากพื้นที่เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลัง เข้าตรวจค้นบ้านของ นายอินปัน ขันทรักษ์ บ้านเลขที่ 24 บ้านนาก้า หมู่ที่ 1 ต.ยาบหัวนา ซึ่งเป็นบ้านหลังที่ถูกร้องเรียนแต่ไม่พบนายอินปัน พบแต่นางสุภา ขันทรักษ์ อายุ 53 ปีซึ่งอ้างตนเป็นเจ้าของบ้านและเป็นภรรยาของนายอินปัน ซึ่งเจ้าหน้าที่สนธิกำลังได้แจ้งจุดประสงค์และขอทำการตรวจค้น โดยนางสุภา รับทราบและยินยอมให้ตรวจสอบพร้อมนำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และในเบื้องต้นทำการตรวจสอบรอบๆบริเวณตัวบ้านไม่พบการกระทำผิดตามหนังสือร้องเรียนแต่อย่างใด
จึงได้ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ห่างจากบ้านของนายอินทร์ปัน ขันทรักษ์ไปทางทิศตะวันตก ระยะทาง 150 เมตร พบสิ่งปลูกสร้างทำด้วยไม้จำนวน 1 หลัง อยู่ในบริเวณป่าละเมาะหลังหมู่บ้าน ตั้งอยู่ในพื้นที่โล่งและตรวจพบไม่มีผู้อยู่อาศัยหรือแสดงตัวเป็นเจ้าของโดยสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวมีการยกพื้นสูงจากพื้นดิน ประมาณ 1 เมตร มุงด้วยสังกะสีมีสภาพเก่ากั้นด้วยไม้ทั้ง 4 ด้าน ลักษณะเป็นที่พักชั่วคราวระหว่างการก่อสร้าง และที่ใต้พื้นบ้านพบไม้แปรรูปจำนวนมากสอดเรียงกันเก็บซุกซ่อนไว้ใต้พื้นดังกล่าว พบเป็นไม้แปรรูปมีหลายขนาดและมีจำนวนมาก จากาตรวจสอบ นายอินปัน ขันทรักษ์ บอกว่าเป็นบ้านของ นายแสง ถาวระ ราษฎรในหมู่บ้านนาก้า ซึ่งปัจจุบันมีครอบครัวอยู่ที่บ้านป่าต้าง อ.บ้านหลวง จ.น่าน โดยสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้างแต่ยังไม่แล้วเสร็จ และไม้แปรรูปดังกล่าว นายแสง ผู้เป็นเจ้าของได้รื้อถอนมาจากบ้านหลังเก่าและเก็บสะสมเพิ่มเติม
ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นไม้แปรรูปทั้งหมดมีสภาพแห้ง และจากการตรวจสอบไม่พบรอยดวงตาของรัฐขายหรือรอยดวงตาของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตีประทับไว้แต่อย่างใด และไม่มีลักษณะว่าเคยเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ใดๆมาก่อน และขณะที่ตรวจสอบไม่พบนายแสง ผู้เป็นเจ้าของไม้ตามที่นายอินปัน ให้ถ้อยคำไว้ต่อเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณในที่เกิดเหตุ หรือบริเวณใกล้เคียงแต่อย่างใด ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจยึดได้มีกลุ่มคนในพื้นที่กว่า 10 คนรวมตัวในลักษณะเพื่อขัดขวางไม่ให้มีการจับกุมและเคลื่อนย้ายไม้ของกลางออกมาดำเนินคดี พ.ต.อ.ประยูร ชำนาญคง ผกก.สภ.นาหมื่น รรท.สภ.เวียงสา ได้เข้าไปเจรจา ทำให้สถานการณ์สงบเข้าสู่สภาวะปกติ
เจ้าหน้าที่สนธิกำลังจึงร่วมกันพิจารณาแล้ว เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ
.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 และมาตรา 70 ฐานความผิด จึงได้ทำการตรวจยึดไม้กระยาเลยหวงห้าม(ยาง)แปรรูปทั้งหมดไว้เป็นของกลาง จำนวน 280 แผ่น ขนาดความกว้าง5 นิ้ว จำนวน 28 แผ่น ขนาด 4 นิ้ว จำนวน 99 แผ่น ขนาด3 นิ้ว จำนวน 153แผ่น คิดเป็นค่าเสียหายที่รัฐพึงได้รับเป็นเงิน จำนวน 90,650- บาท จึงได้ตรวจยึดไม้ของกลางทั้งหมดนำส่ง ร.ต.อ.นัทธวัฒน์ สมแสง พงส.สภ.เวียงสา โดยมี พ.ต.ต.พรเทพ ป่าหวาย สว.นปพ.ภ.จ.น่าน เป็นผู้แจ้งความกล่าวโทษว่า
1.มีไม้กระยาเลยหวงห้ามแปรรูปปริมาตรเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
2.รับไว้ด้วยประการใดซ่อนเร้นจำหน่าย หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้หรือของกลางที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่า ที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิดต่อบท พ.ร.บ.นี้ มีความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำผิดนั้น เพื่อตามสืบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนไม้ของกลางทั้งหมด มอบหมายให้ นายมนตรี พลภักดี เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญการ หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นน.13 (น้ำสา) เป็นพยานและเก็บไม้ของกลางไว้ที่หน่วย
พ.ต.อ.บัณฑิต อินทุฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.น่าน กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนและสั่งการจากศูนย์ดำรงธรรมเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนที่บ้านนาก้า หมู่.ต.ยาบหัวนา อ.เวียงสา จ.น่าน เป็นหมู่บ้านเป้าหมายมีการลักลอบทำไม้ผิดกฎหมายมานานแล้ว จึงมอบหมายให้ชุดเจ้าหน้าที่ได้มีการบูรณาการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายป่าไม้ เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบไม้ผิดกฎหมายในลักษณะของการอำพรางที่ผิดกฏหมาย ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจยึด ได้มีมวลชนในพื้นกลุ่มหนึ่งรวมตัวขึ้นมาในลักษณะเพื่อขัดขวาง เพื่อไม่ให้มีการจับกุมและเคลื่อนย้ายไม้ของกลางออกมาดำเนินคดี จึงได้มีการสั่งการจาก นายวรกิตติ ศรีทิพากร ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน บูรณาการกำลังเข้าไปดูแลอำนวยความสะดวกการจับกุมให้สำเร็จลุล่วง เน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายจะต้องมีประสิทธิภาพผู้กระทำความผิดต้องถูกดำเนินคดีไม่อย่างนั้นป่าไม้จะหายไป แต่ไม่เหตุการณ์รุนแรง ผกก.เวียงสา ได้นำกำลังเข้าไปมีการเจรจาเหตุการณ์คลี่คลาย
พ.ต.อ.ประยูรชำนาญคง ผกก.สภ.นาหมื่น รรท.สภ.เวียงสา กล่าวว่า ชาวบ้านก็เข้าใจว่าผู้กระทำความผิดจะต้องถุกดำเนินคดีตามกฏหมาย ชาวบ้านที่ก็เข้าใจ การดำเนินคดีจะต้องเรียกเจ้าของมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว และจะต้องมีการขยายผลผู้อยู่เบื้องหลังหรือตัวนายทุนต่อไป