ยกเลิกส่วนแบ่งค่าปรับจราจร!!!“มงคลกิตติ์ ”ชง บิ๊กตู่ ใช้ ม.44 ยกเลิก ส่วนแบ่งค่าปรับจราจร 47.5% ลดรายจ่าย ปชช 9 หมื่นล้านบาท/ปี พร้อมแก้ กฎกระทรวง ฉบับที่ 6 ปี 22(39 ปี ใช้มานาน เต่าล้านปี) ตาม พรบ.จราจร ให้เพิ่มความเร็วให้เหมาะกับ สมรรถนะรถ สภาพถนน การจ่ายภาษีรถปัจจุบัน เพื่อลดช่องว่างการทุจริตบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน 50 ล้านคน ด้าน “มาร์ค พิทบูล” ตามบี้หาคนผิด จับปรับลุงควันดำ ลั่น หากินง่ายแบบนี้เอง วันๆไม่ไปจับโจร นักการเมือง ข้าราชการ ที่ทุจริต คงจับยาก สู้ตั้งด่านง่ายกว่าเยอะ
วันที่ 4 ตุลาคม 2561 เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ. ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ(ภตช) โดย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ และ ว่าที่ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล ประธานชมรมคนคุณภาพ และ ว่าที่ รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และ คณะฯ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นั้น
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า วันนี้ ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ(ภตช) ได้รับร้องเรียนจากผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมากและประสบพบด้วยตนเอง ว่าเดือดร้อนมากจากการเสียค่าปรับในอัตราสูงสุดบ้าง ปานกลางบ้าง ซึ่งกระทบต่อรายจ่ายปัจจุบันที่ไม่คาดคิดของประชาชนจำนวนมากกว่า 50 ล้านคน ปัจจุบันประชาชนที่หาเช้ากินค่ำตั้งแต่ เกษตรกร ถึง พนักงานบริษัท มีรายรับไม่พอรายจ่ายในแต่ละเดือน กลุ่มประชาชนเหล่านี้เดือดร้อนมาก เนื่องจากเศรษฐกิจของคนส่วนใหญ่ไม่ดี ดีเฉพาะกลุ่มนายทุน ในส่วนของนายทุนจะมีเงินจ่ายค่าปรับอยู่แล้วไม่เดือดร้อน ดังนั้น ภตช.ได้ลงพื้นที่สำรวจการตั้งด่านเฉพาะของเจ้าพนักงานตำรวจจราจร(ไม่รวมด่านเจ้าหน้าที่ทหาร-เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง) พอสรุป เวลาการตั้งด่านได้ดังนี้ 1.ช่วงสาย 2.ช่วงเที่ยง 3.ช่วง บ่าย-เย็น 4.ช่วง กลางคืน-ดึก เฉลี่ย จะตั้งด่านอำเภอละ 3 จุด/วัน (อย่างน้อย) ประเทศไทยมี 878 อำเภอ ตั้งด่านทั้งหมดต่อวัน 2,634 ด่าน/วัน และจะตั้งด่านวันละ 4 เวลา โดยเฉลี่ยจะได้รายได้จากค่าปรับทุกรายการประมาณด่านละ 50,000 บาท/ด่าน/ช่วงเวลา -ใน 1 วัน จะได้รายได้ 526.8 ล้านบาท/ทั่วประเทศ -ใน 1 เดือน จะได้รายได้ 15,804 ล้านบาท/ทั่วประเทศ-ใน 1 ปี จะได้รายได้ 189,648 ล้านบาท/ทั่วประเทศ
นายมงคลกิตติ์ กล่าวเสริม ถ้าคิดเป็นส่วนแบ่งรายได้เข้าแผ่นดิน 52.5% จำนวน 99,565.2 ล้านบาท/ปี เข้ากระเป๋าตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการจับปรับตั้งแต่ ผบ.ตร. ลงมาถึง ตำรวจผู้จับกุม คิดเป็น 47.5% จำนวน 90,082.8 ล้านบาท/ปี ถ้าเทียบปัจจุบันประเทศไทยมีตำรวจ ไม่เกิน 220,000 นาย ถ้าทุกนายได้รายได้จากส่วนแบ่งค่าปรับ จะเฉลี่ยคนละ 409,467 บาท/ปี/นาย หรือ 34,122 บาท/เดือน/นาย จะเห็นได้ว่ารายได้การจับปรับต่างๆกลายเป็นรายได้หลักของเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งจะได้มากว่าอัตราเงินเดือนโดยเฉลี่ยเลย ซึ่งถ้ามีการแก้ไขกฎหมายยกเลิกส่วนแบ่งค่าปรับให้เจ้าพนักงานตำรวจไป แล้วไปลดในการปรับปกติของประชาชนก็จะทำให้ประชาชนกว่า 50 ล้านคน ไม่เดือดร้อนเหมือนปัจจุบัน หรือ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ให้เงินในกระเป๋าของเขาลดลง ทั้งที่มีน้อยอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของการเข้าไปแก้ไข อัตราค่าปรับ ตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ให้ลดในส่วนของ ส่วนแบ่งค่าปรับเจ้าพนักงานตำรวจไปในค่าปรับปกติ อีกทั้งออกกฎหมายให้ค่าปรับคงที่ ไม่ให้เจ้าพนักงานตำรวจใช้ดุลยพินิจปรับสูงสุด-ต่ำสุด จะเป็นการลดการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ และ ในส่วนของการเสนอปรับอัตราการใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นของรถแต่ละประเภท ให้เหมาะกับสมรรถนะรถที่จะวิ่งในอัตราความเร็วที่เหมาะสมกับการใช้เชื้อเพลิง เหมาะสมกับสภาพถนนแต่ละเส้นที่พัฒนาแล้ว เหมาะกับการจ่ายภาษีรถที่ประชาชนจ่ายเต็ม เหมาะสมกับความปลอดภัย ซึ่ง กฏกระทรวง ฉบับที่ 6 ตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ก็ใช้มากว่า 39 ปี สมัยนั้นสมรรถนะรถยังวิ่งได้สูงสุดไม่เกิน 80,120 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีแต่ถนนลูกรัง ถนนลาดยางสวนเลน(ไป-กลับ) แต่ปัจจุบันเป็นถนนแอสฟัสติกคอนกรีต-ถนนปูนซีเมนต์ 6,8,12 เลน ไม่สวนทางมีเกาะกลางถนนกั้น สถาพถนนจะมีความปลอดภัยสูงถ้าไม่ทุจริตการก่อสร้างถนน ทั้งหมดที่ให้เหตุผลมาจึงเรียนเสนอมาถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้ดำเนินการเพื่อลดภาระประชาชน อุดช่องว่างการทุจริตคอร์รัปชั่น ปรับปรุงกฏหมายเหมาะสมกับปัจจุบัน ดังนี้ 1.ขอให้ใช้ ม.44 ยกเลิกส่วนแบ่งค่าปรับจราจร 47.5% ในส่วนของเจ้าพนักงานตำรวจ ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อมาเป็นส่วนลดในอัตราค่าปรับปกติ อีกทั้งจะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนกว่า 50 ล้านคน ที่มีรายได้ไม่พอรายจ่ายอยู่แล้วทุกวันนี้
2.ขอเสนอแก้ไข อัตราโทษปรับ ตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ให้มีอัตราคงที่ ไม่ให้อำนาจเจ้าพนักงานใช้ดุลยพินิจในการปรับขั้นสูงสุด-ต่ำสุด ทำให้เกิดช่องว่างการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ 3.ขอให้ปรับแก้ไข กฎกระทรวง ฉบับที่ 6 พ.ศ.2522 ตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ในส่วนของการกำหนด
อัตราความเร็ว ให้กำหนดอัตราความเร็วใหม่เพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับ สมรรถนะรถ-การใช้เชื้อเพลิง สภาพถนน สภาพการจ่ายภาษี ณ ปัจจุบัน ซึ่งเราใช้กฏหมายนี้มานานมากแล้วเมื่อ 39 ปี(ล้าสมัย) ถ้าแก้แล้วจะทำให้ลดภาระประชาชนปิดช่องว่างการใช้กฏหมายรีดเงินประชาชนโดยชอบด้วยกฏหมายอีกต่อไป
นายณัชพล กล่าวว่า วันนี้ผมก็มาตาม เรื่องการตรวจสอบหรือตั้งกรรมการสอบเจ้าพนักงานตำรวจจราจรว่าดำเนินการถึงไหนแล้ว รู้สึกช้ามาก จาก กรณี การจับปรับ นายอดุลย์ พรรณา อายุ 53 ปี พ่อค้าชาว จ.นครราชสีมา เมื่อ 17 กันยายน 2561 ในความผิดฐาน นำรถที่มีเครื่องยนต์ก่อให้เกิด ก๊าซ ฝุ่น ควัน ละอองเคมี หรือเสียงเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดมาใช้ในทาง และกำหนดอัตราค่าปรับในใบสั่ง จำนวน 1,000 บาท ภายหลังได้ไปตรวจรถ วัด สภาพควันดำ สถานตรวจสอบสภาพรถ บุญทวี จังหวัดชัยภูมิ ปรากฏว่าได้ค่าไม่เกินกว่ากฎหมายกำหนด ผ่าน ซึ่งข้อมูลขัดแย้งกัน ถ้า สตช.ตรวจสอบแล้วว่าเจ้าหน้าที่ตรวจจับควันดำไม่ผิดหรืออาจจะช่วยกันหรือไม่ก็ไม่ว่า ก็ขอให้ตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดปรับจูนเครื่องตรวจวัดควันดำให้มีค่าไม่ได้มาตฐานหรือไม่ การจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจวัดควันดำ ของ กรมควบคุมมลพิษ ในล๊อตดังกล่าว ว่าตรวจรับของตรงตามสเป็คหรือไม่ จัดซื้อจัดจ้างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ราคาแพงเกินจริงหรือไม่ และ เครื่องตรวจวัดควันดำ ของ กรมควบคุมมลพิษ กับ ของ กรมขนส่งทางบก มีมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ กรุณาชี้แจงโดยละเอียด
นายณัชพล กล่าวเสริมว่า ข้าราชการออกกฎหมายมารีดเงินประชาชน ใช้ช่องว่างกฏหมายหากิน กฎหมายเก่าแก่รุ่นไดโนเสาร์สร้างรายได้ให้ตนเองก็ไม่ขอแก้ไขเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน เห็นแก่ตัวสิ้นดี หรือ เพราะว่าค่าส่วนแบ่งค่าปรับเป็นรายได้หลักของ สตช ไปแล้ว ก็น่าคิดนะเพราะปีนึงตั้งเกือบ 1 แสนล้านบาท จึงไม่มีเวลาไปจับโจร จับนักการเมือง-ข้าราชการทุจริต เพราะพวกนี้มีเส้นจับไปเดี๋ยวมือพอง จับประชาชนไม่รู้กฎหมายหาเช้ากินค่ำง่ายกว่าเยอะ ถึงว่าวันนึงตั้งด่านวันละหลายเวลา ทั่วประเทศเป็นหมื่นด่านต่อวัน ขยันจริงๆ ถ้าขยันป้องกันไม่ให้ยาเสพติดเข้าประเทศจะดีกว่านี้มาก เห็นขยันจับเยอะเหมือนกันแสดงว่าลืมป้องกันยาเสพติดทะลักเข้ามาในประเทศ โจรปล้น ฆ่าข่มขืนก็เยอะ เจ้าพ่อ ปล่อยเงินกู้ บ่อน ก็มาก สงสัยไม่มีกำลังไปจับเพราะมัวไปตั้งด่านจับรถ จับพวกอิทธิพลมันอันตรายเสี่ยงชีวิต เสี่ยงต่อหน้าที่การงาน นี่แหละหนาประเทศไทย