ข่าวกาฬสินธุ์ ข่าวรอบรั้วภูธร ข่าวเด่น

ผู้การฯกาฬสินธุ์ ลุยสางคดีตาวัย 73 ปี ถูกไฟย่างสดดับปริศนา

ผู้การฯกาฬสินธุ์นำทีมชุดสืบสวน และทีมสอบสวนเร่งคลี่คลายคดีตาวัย 73 ปี ชาวตำบลโนนศิลาเลิง อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ ถูกไฟคลอกเสียชีวิตปริศนาคากระท่อม ยืนยันตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐานพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะทำคดีนี้ให้เกิดความกระจ่างชัดต่อสังคมอย่างแน่นอน
จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้กระท่อมข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก เลขที่ 133 หมู่ 6 ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ทำให้นายบุญเลี้ยง จันทศรี อายุ 73 ปี เจ้าของกระท่อมถูกไฟคลอกเสียชีวิตอย่างปริศนา เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.ของวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา เบื้องต้นจากการตรวจสอบสภาพศพของเจ้าหน้าที่พบลวดพันอยู่กับมือข้างขวา และพบมีดปลายแหลมวางอยู่ข้างศพ ซึ่งเป็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ โดยหลังเกิดเหตุพ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รรท.ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้สั่งการให้ตำรวจสภ.ฆ้องชัยเร่งดำเนินการตามขั้นตอน พร้อมเชิญตัวผู้ใกล้ชิดในเหตุการณ์ ญาติ และผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตและเกิดความกระจ่างชัดโดยเร็ว


ล่าสุดวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รรท.ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่สภ.ฆ้องชัย เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี พร้อมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุกระท่อมที่เกิดไฟไหม้ โดยมี พ.ต.อ.สมพงศ์ มั่นหมาย รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ขจรฤทธิ์ วงษ์ราช รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.กรภพ เนตรไธสง ผกก.สภ.ฆ้องชัย พ.ต.อ.นพวิทย์ ดิษฐาธนาธรสิริ ผกก.สืบสวนภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยชุดสืบสวนภ.จว.กาฬสินธุ์ และพนักงานสอบสภ.ฆ้องชัยรายงานความคืบหน้า

พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รรท.ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.ฆ้องชัยได้รับแจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้กระท่อม ติดกับลานรับซื้อข้าวเปลือก เลขที่ 133 หมู่ 6 ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ หลังรับแจ้งจึงไปตรวจที่เกิดเหตุพบศพนายบุญเลี้ยง จันทศรี อายุ 73 ปี เจ้าของกระท่อมถูกไฟคลอกเสียชีวิต โดยตรวจสอบเบื้องต้นพบสายลวดมีลักษณะพันอยู่กับมือข้างขวาของผู้เสียชีวิต และพบมีดปลายแหลมอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเหตุกาณ์นี้เป็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุส่งไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมนำศพผู้เสียชีวิตส่งไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น รวมทั้งเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำ


พ.ต.อ.ศิรสัณห์ กล่าวต่อว่า ส่วนความความคืบหน้าล่าสุด พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวผู้ใกล้ชิดในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุไฟไหม้ เชิญตัวญาติ และลูกสาวคนเล็กผู้ที่อยู่กับผู้เสียชีวิตเป็นคนสุดท้าย รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำแล้วรวมกว่า 10 ปาก ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตมักดื่มสุราเป็นประจำ และไปนอนพักอาศัยอยู่ที่กระท่อมคนเดียว ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีศรัตู และไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร ส่วนสาเหตุการของการเกิดไฟไห้ม และสาเหตุของการเสียชีวิตนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิด จากอุบัติเหตุไฟฟ้าลัดวงจร เกิดจากฆ่าตัวตาย หรือถูกฆาตรกรรมได้ เพราะจะต้องรอผลการสอบสวน และรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบกันจึงจะสามารถสรุปได้ ซึ่งขณะนี้ทุกคนไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัย และยังเป็นผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งเท่าที่สอบสวนยังไม่พบมูลเหตุหรือแรงจูงใจที่จะฆาตกรรม ซึ่งหากไม่รอบครอบไม่มีหลักฐาน หากเอาคนบริสุทธิ์คนหนึ่งที่ไม่ใช่คนกระทำความผิดไปลงโทษนั้นมันเป็นบาปที่สุดของชีวิตตำรวจ ทั้งนี้ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักระหนึ่ง แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการตามพยานหลักฐาน ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะทำคดีนี้ให้เกิดความกระจ่างชัดต่อญาติผู้เสียชีวิต และสังคมอย่างแน่นอน

ด้านนายภิรมย์ ภูผานม อายุ 46ปี ญาติและคนเฝ้าลานรับซื้อข้าวเปลือกติดกับที่เกิดเหตุ กล่าวว่า วันเกิดเหตุได้ยินเสียงคนร้องว่าไฟไหม้ และมีนายบุญเลี้ยงอยู่ข้างใน ตนและเพื่อนบ้านต่างพากันช่วยกันดับไฟ พร้อมกับโทรเรียกรถดับเพลิงมาช่วย แต่ก็ไม่ทัน นายบุญเลี้ยงถูกไฟคลอกเสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้นายบุญเลี้ยงผู้เสียชีวิต ขอลูกมานอนที่กระท่อมแห่งนี้คนเดียว ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง หรือทะเลาะกับใคร ส่วนสาเหตุจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจนไฟไหม้หรือฆาตกรรมนั้น เรื่องนี้ก็ต้องปล่อยเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องพิสูจน์หาความจริงให้ได้ แต่หากเป็นการฆาตกรรมก็อยากให้คนที่ก่อเหตุจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมายถึงที่สุด