สระแก้ว- พลาดอีกไม่ได้ ต้องเข้มงวด
กุมภาพันธ์ 3, 2019
ตม.สระแก้วร่วมกับทหารตรวจเข้มชาวมุสลิมกัมพูชาที่เดินทางเข้าไทย หลังสั่งย้าย จนท.ตม.7 คน
สระแก้ว – ด่าน ตม.สระแก้ว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารพราน ตรวจเข้มชาวกัมพูชาที่นับถือศาสนาอิสลามที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ผ่านเส้นทางด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบชาวกัมพูชามุสลิมส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้าประเทศ เพื่อต้องการเดินทางไปที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งทุกคนจะถูกตรวจสอบและบันทึกการเดินทางอย่างละเอียด สำหรับส่งให้เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังบูรพาตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง ทำให้ ล่าสุดมีชาวกัมพูชาที่นับถือศาสนาอิสลามเดินทางเข้าประเทศน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อวันที่ 3 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว พร้อมด้วย พ.อ.สหัสดนย์ ธเนศชัยพิทักษ์ ผบ.ชค.กรม ทพ.ที่ 12 และ ร.อ.เตชทัศ เฉลิมจิตต์ ผบ.ร้อย ทพ.201 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจสอบชาวกัมพูชาที่นับถือศาสนาอิสลามที่ต้องการเดินทางจากประเทศกัมพูชาเข้ามายังประเทศไทย ผ่านทางด่านพรมแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อจัดเก็บข้อมูลส่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง สำหรับดำเนินการตรวจสอบการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ภายหลัง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว มีทั้งนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรและประทวน รวม 7 นาย เนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ม.ค.62 ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง จ.ปัตตานี ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นโรงเรียนปอเนาะมัตรอลาตุลฟาละห์ หมู่ที่ 4 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีการลักลอบฝึกการต่อสู้ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้จำนวน 13 คน โดยเป็นคนต่างด้าวชาวกัมพูชามุสลิม 11 คน อายุ 16-26 ปี 9 คน และพาสปอร์ตหมดอายุ 10 คน ไม่มีพาสปอร์ต 1 คน ที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบชาวกัมพูชาที่เป็นมุสลิมเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยใช้พาสปอร์ต เป็นหนังสือเดินทางข้ามแดนเข้ามายังประเทศไทยเป็นกลุ่ม ๆ ประมาณ 10-20 คน มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ซึ่งจากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง เจ้าหน้าที่พบว่า ส่วนใหญ่จะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย แต่มีบางส่วนจะทำงานอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย โดยการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ตม.และทหารพรานนั้น ต้องใช้ความสามารถเป็นพิเศษ เนื่องจากพาสปอร์ตที่ชาวกัมพูชามุสลิมถือเข้ามานั้น ไม่ได้ระบุว่า เป็นชาวกัมพูชาที่เป็นนับถือศาสนาอิสลาม หรือชาวกัมพูชานับถือศาสนาพุทธ และการแต่งกายก็เหมือนกับบุคคลทั่วไป แต่สำหรับผู้หญิงนั้น จะสังเกตได้ง่ายกว่า เนื่องจากจะสวมผ้าคุมหน้าแทบทุกคน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องคอยสังเกตุดูว่า กลุ่มไหนเป็นชาวกัมพูชามุสลิมหรือพุทธ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิธีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่จะเริ่มตั้งแต่ชาวกัมพูชามุสลิมเดินออกจากอาคารเข้าประเทศไทย หากพบเป็นกัมพูชามุสลิมจะเชิญตัวมาทำการตรวจสอบเอกสารการเดินทางเพิ่มเติม และตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ พร้อมทั้งบันทึกภาพทำประวัติไว้ รวมทั้งตรวจสอบว่า ชาวกัมพูชามุสลิมรายนั้น ๆ ขึ้นรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียนใด โดยจะนำเอาข้อมูลทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังบูรพา ทำการตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่แจ้งว่า จากการตรวจสอบในวันนี้ ยังมีมุสลิมกัมพูชาเดินทางเข้ามาเพียงแค่คนเดียว ส่วนในวันที่ 2 ก.พ.62 ที่ผ่านมา มีเดินทางเข้ามา 30 คน แยกเป็นชาย 10 คน หญิง 17 คน และเด็ก 3 คน ซึ่งทั้งหมดแจ้งว่า จะเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งทาง ตม.ได้จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดส่งไปให้เจ้าหน้าที่ ตม.แต่ละจังหวัดที่ชาวกัมพูชามุสลิมจะเดินทางผ่าน เพื่อให้ทำการตรวจสอบว่า มีการเดินทางผ่านพื้นที่จริงหรือไม่ หากพบว่า ไม่ปฏิบัติตามจุดประสงค์ที่แจ้งไว้ก่อนเดินทางออกจากชายแดน จ.สระแก้ว ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการติดตามตัวและตรวจสอบเชิงลึกอย่างเร่งด่วนทันที. นายยุทธนา พึ่งน้อยผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว
https://www.talknewsonline.com/100378/