ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ออกบูธนิทรรศการ เพิ่มวัคซีนป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้กับประชาชน หวังสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมีความรู้ ไม่ตกเป็นเหยื่อ หลังจากพบว่าคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีสูง 13,000 กว่าคดี
เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 67 พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าตรวจเยี่ยมบูธนิทรรศการของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ที่จัดให้ความรู้ด้านการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายในงานฤดูหนาว นางสาวเชียงใหม่ และงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี 2567 โดยมีกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป ให้ความสนใจเข้ามาเยี่ยมชม และร่วมทำแบบสอบถามเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ที่ทำแบบสอบถามผ่านหลักเกณฑ์ ก็ได้รับใบประกาศนียบัตร และผู้ที่ได้รับคะแนนเต็มก็ได้รางวัลพิเศษอีกด้วย สร้างความสนใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะได้ทั้งความรู้และยังได้ใบประกาศนียบัตรเป็นที่ระลึก
ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในการจัดบูธนิทรรศครั้งนี้ ต้องการเผยแพร่วัคซีนไซเบอร์ให้กับ นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปมีความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมเทคโนโลยีเพื่อทำการป้องกันตนเอง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเทคโนโลยี โดยการจัดงานจะจัดขึ้นภายในงงานฤดูหนาว นางสาวเชียงใหม่ และงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี 2567 รวมทั้งหมด 15 วัน รูปแบบของการจัดให้ความรู้มีทั้งวีดีทัศน์ บอร์ดนิทรรศการ และการทดสอบความรู้แบบข้อสอบ 15 ข้อ ซึ่งจะมีการมอบใบประกาศให้กับผู้ที่ทำผ่านเกณฑ์ และมีรางวัลพิเศษสำหรับผู้ที่ทำเต็ม เพื่อเป็นการจูงใจให้ประชาชนเข้ามาทดสอบความรู้และเรียนรู้ในการป้องกันตนเองจากอาชญากรรมเทคโนโลยี
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการเก็บสถิติตั้งแต่มีการแจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวน 13,000 กว่าคดี คดีส่วนใหญ่ยังเป็นคดีความที่ซื้อของแต่ไม่ได้รับของ แต่หากเป็นความเสียหายที่มูลค่าสูงจะเป็นเรื่องของการหลอกร่วมลงทุน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และหลอกให้โอนเงิน ยังเป็นการหลอกที่มูลค่าทรัพย์สูง อยากฝากเตือนภัยให้กับประชาชน 3 ส่วน คือ 1. อย่าทำตัวให้ตกเป็นเหยื่อ อย่าหลงเชื่อเวลามีคนโทรมาชวนเล่นไลน์ หรืออะไรที่ไม่รู้จัก ต้องตั้งสติ ไม่เชื่อคนง่าย ไม่โอนเงินโดยเด็ดขาดให้กับคนที่เราไม่รู้จัก 2. ต้องป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นผู้ต้องหา เราจะต้องไม่เปิดบัญชีม้า ไม่เปิดบัญชีให้คนอื่นใช้โดยเด็ดขาด และ 3. เตือนคนในหมู่บ้าน เตือนคนรู้จักว่าไม่ควรหลงเชื่อทำงานต่างประเทศได้รายได้สูง เมื่อไปอยู่แล้วเขาก็บังคับให้เราทำงาน ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ดังนั้นต้องป้องกัน 3 อย่างถึงจะปลอดภัย.
ทรงวุฒิ ทับทอง
