ผู้ว่าฯมุกดาหาร พร้อมคณะฯ ร่วมงานวันชาติ และวันพ่อแห่งชาติแห่งราชอาณาจักรไทย ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 เวลา 18.00 น. นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย นางอัญชลี กัลมาพิจิตร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร พร้อมคณะ เดินทางร่วมงานวันชาติไทยและวันพ่อแห่งชาติ ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันเขต สปป.ลาว โดยมี นางหลิงทอง แสงตาวัน รองเจ้าแขวงสะหวันนะเขต นางบุญทะวี ดวงลาสี รองเลขาธิการพรรคแขวงสาละวัน นางวาดสะหนา สิลิมา ประธานแนวลาวสสร้างชาติ แขวงจำปาสัก นางบุนเฮียง บุนจิต ขณะประจำพรรคแขวงประธานแนวลาวสร้างชาติแขวงเซกอง ท่าน ปอ.แก้วอุดอน บุดสิงขอน รองเจ้าแขวงคำม่วน ท่านบุนเสิด เสดทิลาด รองเจ้าแขวงอัตตะปือ กงสุลใหญ่ราชอาณาจักรกัมพูชา ณ นครปากเซ กงสุลใหญ่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ แขวงสะหวันนะเขต และคณะจากจังหวัด มุกดาหาร นครพนม และอุบลราชธานี ทั้งหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ร่วมงาน โดยนายอธิปัตย์ โรจนไพบูลย์ กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต รับมอบกระเช้าดอกไม้ และนำประกอบพิธีเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติแห่งราชอาณาจักรไทย
นายอธิปัตย์ โรจนไพบูลย์ กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต กล่าวว่า วันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันชาติและวันพ่อแห่งชาติแห่งราชอาณาจักรไทย ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมคีวามสัมพันธ์พิเศษในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกันมากว่า 73 ปี (2493 – 2566) ทั้งในส่วนของพระราชวงศ์ไทย ภาครัฐบาล และประชาชน โดยในปีหน้าจะครบรอบ 30 ปี การก่อตั้งโครงการศูนย์พัฒนา และบริการด้านการเกษตรห้วยซอน – ห้วยซั้ว (หลัก 22) ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สําคัญแห่งมิตรภาพของสองประเทศที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีพระราชดําริให้จัดตั้ง และในเขตกงสุลมี 2 โครงการในพระราชดําริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี คือ โครงการศูนย์พัฒนาและบริการกสิกรรม – ป่าไม้ (หนองเต่า) แขวงสะหวันนะเขต และศูนยศึกษาการพัฒนากสิกรรมพื้นที่สูง (หนองหิน) เมืองปากซอง แขวงจําปาสัก
ในระดับรัฐบาล เมื่อ วันที่ 30 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย ได้เดินทางเยือน สปป. ลาว อย่างเป็นทางการตามคําเชญิ ของนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว โอกาสนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการส่งเสริมการเพิ่มมลู ค่าการค้า ไทย – ลาว จาก 7,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปสู่ 11,000 ล้านดอลลารส์ หรัฐภายในปี 2568 (ผ่านด่านศุลกากรมุกดาหาร มูลค่ารวม 56,163.41 ล้านบาท / ด่านศุลกากรช่องเม็ก 30,921.57 ล้านบาท/ ด่านศุลกากรนครพนม 17,255.02 ล้านบาท)
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะมุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานที่สําคัญระหว่างกันเพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงดา้นโลจิสติกส์ในภูมิภาคและ สอดคล้องกับเป้าหมายของ สปป. ลาว ในการเป็นประเทศเชื่อมโยง (land-linked) และ เสริมสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันอาทิโครงการปรับปรุงทางหลวง หมายเลข 12 (R12) ใน สปป. ลาว ซึ่งเป็นเส้น ทางสําคัญในการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะ ผลไม้ไทยทางสะพานมิตรภาพ3จากจังหวัดนครพนมผ่านแขวงคําม่วนไปยังเวียดนามและ จีน แผนการเปิดใช้พื้นที่ควบคุมร่วมกัน (CCA) ที่ด่านสะพานมิตรภาพ 2 ซึ่งจะสอดรับ กับโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟจากแขวงสะหวันนะเขตไปยังด่านลาวบาวของเวียดนาม ในอนาคต การใช้ประโยชน์เส้นทาง R9 เชื่อมกับโครงการก่อสร้างสนามบินจังหวัดมุกดาหาร และรถไฟทางคู่บ้านไผ่ – มุกดาหาร ในการแลกเปลี่ยนและขนส่งสินค้าระหว่างกัน
การลงทุนของภาคเอกชนไทยในพลังงานสะอาด อาทิ โครงการ Monsoon Wind Farm ที่แขวง เซกองและแขวงอัตตะปือ กําลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นแห่งแรกใน สปป. ลาว รวมถึงโครงการ ก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 6 (อุบลราชธานี – สาละวัน) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง ในปี2568ก็จะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคให้มคีวามสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาถือเป็นหัวใจสําคัญของการดําเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทย – ลาว โดย สปป. ลาว เป็นประเทศที่ไทยมีความร่วมมือด้านนี้มากที่สุด (105 ล้านบาท)โดยเฉพาะด้านการเกษตร การศึกษา และสาธารณสุข ซึ่งที่ผ่านมาสถานกงสุลใหญ่ฯ สนับสนุนภารกิจของกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ(TICA)ที่ได้ดําเนินการด้านนี้ ร่วมกับจังหวัดชายแดนของไทยและแขวงในเขตกงสุล นอกจากนี้ ภาคเอกชนไทยยังมี บทบาทสําคัญในการสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ลาวในท้องถิ่นด้วยเช่นกัน
ในปี 2567 ซึ่ง สปป. ลาว จะเป็นประธานอาเซียนและจัดกิจกรรมปีท่องเที่ยวลาว (Visit Laos Year 2024) ไทยจะสานต่อความสัมพันธ์กับ สปป. ลาว ไปสู่การเป็น “หุ้นส่วน ยุทธศาสตร์เพื่อความเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตามเป้าหมายที่สองประเทศ เห็นพ้องร่วมกันโดยสนับสนุนความสัมพันธ์ภาคประชาชนผ่านการส่งเสริมท่องเที่ยวเชื่อมโยง ระหว่างกัน
นายอธิปัตย์ โรจนไพบูลย์ ยังได้ขอบคุณแขวงในเขตกงสุลและจังหวัดชายแดนของไทยที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับสถานกงสุลใหญ่ฯมาโดยตลอดและขอแสดงความยินดีต่อวันครบรอบ48 ปี ของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในวันที่ 2 ธันวาคม อีกด้วย
ทั้งนี้ สถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต ได้จัดงานวันชาติ และวันพ่อแห่งชาติเป็นประจำทุกปี มีการแสดงศิลปวัฒธรรมไทย รำวง และร่วมรับประทานอาหาร เพื่อกระชับความสัมพันธ์ชายแดนที่มีมายาวนาน ให้แน่นแฟ้นสืบไป.
Cr. สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร