สืบภาค 5 รวบหนุ่มเมืองกรุง ก่อเหตุปลอมเฟซบุ๊คแฮ็คข้อมูลเหยื่อสาวเภสัชและพยาบาลหลอกถอนเงินบัญชีธนาคาร มีผู้เสียหายจำนวนกว่า 27 รายในเชียงใหม่ สูญเงินจำนวนกว่า 665,520 บาท
วันที่ 3 ก.ค.62 เวลา 10.30 น. ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 5 แถลงข่าวตามรวบหนุ่มเมืองกรุง ก่อเหตุปลอมเฟซบุ๊คแฮ็คข้อมูลเหยื่อสาวหลอกถอนเงินบัญชีธนาคาร มีผู้เสียหายจำนวนกว่า 27 รายในจังหวัดเชียงใหม่ สูญเงินจำนวนกว่า 665,520 บาท ตำรวจภาค 5 รับเรื่องราวร้องทุกข์ ตามจับกุมตัวดำเนินคดีให้การรับสารภาพก่อเหตุมานานเกือบ 2 ปี มีเหยื่อสาวหน้าตาดีตกเป็นเหยื่อถูกแฮ็คเฟซบุ๊ค จำนวนกว่า 100 รายทั่วประเทศ ล่าสุดสาวเภสัช และพยาบาล ในจังหวัดเชียงใหม่ ถูกแฮ็คข้อมูล สูญเงินจำนวนกว่า 1 แสนบาท แจ้งตำรวจออกหมายจับ ตัวดำเนินคดี
สืบเนื่องจากตำรวจภูธรภาค 5 โดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบช.ภ.5 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากว่าได้ถูกคนร้ายลอบเข้าเฟซบุ๊คของตนเอง จากนั้นได้นำเฟซบุ๊คที่ลักลอบเข้าดังกล่าวไปหลอกลวงเพื่อนในเฟซบุ๊คขอให้ส่งเลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อใช้ในการยืนยันเข้าแอปพลิเคชั่นทางการเงิน เนื่องจากผู้ต้องหาหลอกลวงว่าได้ลบแอปพลิเคชั่นทางการเงินออก และต้องการผู้มายืนยันกับทางแอปพลิเคชั่นดังกล่าวเพื่อสมัครเข้ามาใช้อีกครั้งหนึ่ง ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นเพื่อนของตนเองทางเฟซบุ๊คจริง จึงได้ให้รหัสดังกล่าวกับคนร้าย ต่อมามีการถอนเงินจากบัญชี โดยไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนถอนเงินจากบัญชีของตนจึงได้แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจภูธรภาค 5 ติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ ล่าสุดมีผู้เสียหายจำนวนกว่า 27 ราย สูญเงินจำนวนกว่า 665,520 บาท
เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2562 เวลา 10.30 น.โดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล รอง ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ผบก.สส.ภ.5,พ.ต.อ.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ รอง ผบก.สส.ภ.5,พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 ,พ.ต.อ.จิตร์พิสุทธิ์ อิ่มสงวน รอง ผบก.ฯ ปฎิบัติราชการ บก.สส.ภ.5 ได้สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนยีสารสนเทศตำรวจภูธรภาค 5และกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ ได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่าคนร้ายรายนี้คือนายณัฐกร หรือตี๋ นิ่มเรือง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 211 ซอยเพชรเกษม 28 แยก 22 แจวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญกรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ เลขที่ 408/2562 ลงวันที่ 1 ก.ค.2562 ข้อหา”ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และเข้าถึงโดยสิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมว่าทั้งหมด หรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดี
พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ผบก.สส.ภ.5 กล่าวว่า จากการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้ข้อมูลคือ เมื่อประมาณปี 2561 นายณัฐกรฯได้เรียนรู้วิธีการดักเอารหัสผ่านโปรแกรมเฟซบุ๊คจากอินเตอร์เน็ต โดยมีเว็บไซต์ที่สามารถสร้างลิ้งค์(Url)ที่มีหน้าต่างคล้ายกับหน้าต่างกรอกรหัสผ่านของโปรแกรมเฟซบุ๊ค โดยเมื่อส่งลิ้งค์(Url)นี้ให้กับผู้ใดแล้ว จะได้รับข้อมูลทุกอย่างที่ผู้นั้นกรอกลงไปในหน้าต่างดังกล่าว ผู้ต้องหาจึงได้มีความคิดที่จะใช้วิธีการดังกล่าวในการหาเงิน โดยได้สร้างเฟซบุ๊คปลอมขึ้นมาจำนวน 1 อันจากนั้นได้เพิ่มเพื่อนผู้ใช้งานคนอื่นๆแล้วลองส่งลิ้งค์(Url)ที่สร้างไปให้เพื่อนที่เพิ่มไว้ โดยอ้างด้วยเหตุผลว่ามีคนก๊อปปี้เฟซบุ๊คบ้างหรือมีภาพหลุดของผู้ใช้งานคนนั้นหลุดอยู่ในอินเตอร์เน็ตบ้าง จากนั้นผู้ที่หลงเชื่อกรอกข้อมูลลงไป ก็จะได้รับชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของผู้ใช้งานคนดังกล่าว ทำให้สามารถลงชื่อเข้าใช้(Login) เข้าสู่ระบบของผู้ใช้งานหรือเหยื่อ คนนั้นๆได้
จากนั้นนายณัฐกรฯก็จะเข้าไปอ่านข้อความการสนทนาของผู้ใช้งานคนดังกล่าว โดยจะเน้นที่คนที่คิดว่าเป็นคนสนิทของเหยื่อ โดยในอันดับแรกต้องการบัญชีธนาคารที่จะใช้รับโอนเงินของเหยื่อ จึงใช้งานเฟซบุ๊คของเหยื่อที่ได้รหัสมา ทักไปหาคนอื่น โดยอ้างว่า ขอความช่วยเหลือให้ช่วยยืนยันข้อมูลในการเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่นทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ เนื่องจากพลาดลบแอปพลิเคชั่นดังกล่าวไปแล้วไม่สามารถเข้าใช้งานได้ โดยให้เหยื่อ ส่งข้อมูลมาให้ เช่น ขอหมายเลขหน้าบัตร ATM หมายเลขประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด รหัสผ่านแอพพลิเคชั่น และเบอร์โทร เมื่อได้ข้อมูลตามที่แจ้งไปข้างต้นแล้ว ก็จะสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปสมัครใช้งานแอพพลิเคชั่นธุรกรรมออนไลน์ในโทรศัพท์ของผู้ต้องหาได้โดยที่ไม่ต้องมีบัญชีของเหยื่อ อีกทั้งผู้ต้องหายังสามารถถอนเงินออกจากบัญชีดังกล่าวได้โดยไม่ต้องใช้บัตร ATM แต่ใช้การใช้รหัสรับเงินสดที่สร้างจากแอพพลิเคชั่นทำธุรกรรมออนไลน์
ต่อมาเมื่อได้บัญชีที่ใช้เพื่อรับเงินจากเหยื่อแล้ว ผู้ต้องหาก็จะทักไปหาเพื่อนคนอื่นๆในเฟซบุ๊คของเหยื่อแล้วหลอกลวงเหยื่อว่า มีความเดือนร้อนต้องการยืมเงิน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินมาก็จะให้โอนเงินเข้าบัญชีของเหยื่อที่ได้เตรียมไว้แล้ว หลังจากนั้นผู้ต้องหาก็จะถอนเงินออกจากบัญชีดังกล่าว นำไปกิน เที่ยว ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยมีผู้เสียหายเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ตกเป็นเหยื่อจำนวนกว่า 27 ราย สูญเงินนับล้านบาท เข้าแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจภูธรภาค 5 ทางกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนภาค 5 จึงได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้เอาไว้ได้ เบื้องต้นผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพก่อเหตุมานานเกือบ 2 ปี มีผู้ตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศจำนวนเกือบ 100 ราย ต่อมาถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 5 ติดตามจับกุมตัวดังกล่าว.
ทรงวุฒิ ทับทอง
Cr. วัตร บ้านเมือง