2 กุมภาพันธ์ 2568 ร้านข้าวหลามแม่จำปี ที่นักท่องเที่ยวจะชอบแวะซื้อรับประทาน และซื้อเป็นของฝากให้ญาติหรือเพื่อนสนิทกันอยู่เป็นประจำ ขายอยู่ริมถนนด้านช้างวัดบรมธาตุทุ่งยั้ง ที่ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จ.อุตรดิตถ์ เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ด้านล่างจะใช้เป็นที่เก็บกระบอกไม้ไผ่เพื่อนำไปทำข้าวหลามและยังเป็นที่ในการประกอบเครื่องปรุงข้าวหลาม ก่อนจะนำไปเผาในเตาถ่านจนสุก
นางจำปี หนุ่นเพิ่ม อายุ 78 ปี เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า ตนกับลูกสาวคือ นส.ธิดารัตน์ นุ่มเพชร ได้ประกอบ อาชึพทำข้าวหลามขายมาตั้งแต่อายุ 40 ปี ซึ่งเมื่อสมัยก่อน ยังไม่มีข้าวหลามเหมือนปัจจุบัน โดยเป็นคนคิดสูตรในการทำข้าวหลามขึ้นมาเอง เพื่อหวังให้เป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลาน ได้นำไปประกอบอาชีพ โดยเริ่มตั้งแต่การจัดหาไม้ไผ่ การแช่ข้าวเหนียว การทำน้ำกระทิสำเร็จผสมน้ำตาล ผสมถั่ว และการทำเมนูข้าวหลามไส้สังขยา
ซึ่งข้าวหลามต้นตำรับ จะเป็นไส้ถั่วดำและไส้สังขยา เผาด้วยเตาถ่าน ขั้นตอนการผลิตจะต้องพิถีพิถัน ตั้งแต่การปรุงเครื่องทำข้าวเหนียวใส่กะทิ แล้วตัดกระบอกไม้ไผ่ การนำข้าวหลามมาย่างบนเตาถ่าน เป็นกระบอกข้าวหลามสีเขียวเรียงรายวางบนตะแกรงเหล็กย่าง หลังจากสุกแล้วก็มาผ่าเอาเปลือกไม้ไผ่ด้านนอกที่ห่อหุ้มข้าวหลามออก ให้เหลือเปลือกไม้ไผ่บางๆเพื่อสะดวกต่อการแกะรับประทาน จากนั่นจะนำไปวางขาย ซึ่งจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ ต่างแห่มาซื้อกันอย่างคึกคัก ส่วนราคาขายจะขายในราคาเริ่มต้น ที่ 1 มัด 50 บาท โดยใน 1 มัดจะมี 3 กระบอก
ทุกวันเริ่มทำข้าวหลามตั้งแต่ตี 3 ซึ่งก็จะมีลูกค้าประจำและลูกค้าขาจร แวะเวียนมาซื้อไม่ขาดสาย ส่วนบางรายจะโทรสั่งจองล่วงหน้า เพราะข้าวหลามมีประโยชน์กับร่างกาย ถั่วจะให้โปรตีนสูง กะทิให้พลังงานในรูปแบบของไขมัน ซึ่งวันหนึ่งจะขายข้ามหลามได้วันละประมาณ 2,000-3,000 บาท ต่อวัน โดยเฉพาะในช่วงนี้ ข้าวหลามจะขายดีเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นช่วงการจัดงานนมัสการพระแท่น ที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์พระอารามหลวง ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มกราคม-12 กุมภาพันธ์ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศที่มาเที่ยวงานดังกล่าวจะแวะซื้อรับประทานและซื้อเป็นของฝากกลับบ้านกันอยู่ตลอดทำให้ตนเองมีรายได้จากการทำข้าวหลาขายเพิ่มเท่าตัว
นาคา คะเลิศรัมย์ รายงาน
