ประธานวุฒิสภาให้การรับรองเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย ที่มาเข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับหน้าที่
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 11.00 นาฬิกา ณ ห้องรับรองพิเศษ 204 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้การรับรองนายฮุน ซาเรือน (H.E. Mr. Hun Saroeun) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย ที่มาเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยมีนางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ พลเอก เลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น และนางสาวณัชฐานันท์ รูปขจร ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา ร่วมให้การรับรอง
.
ประธานวุฒิสภา กล่าวให้การต้อนรับและแสดงความยินดีที่เอกอัครราชทูตฯ ได้กลับมาประเทศไทยเพื่อดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตฯ เนื่องจากได้ทราบว่าเอกอัครราชทูตฯ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และระดับปริญญาโทจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เชื่อมั่นว่าความรู้และความเข้าใจประเทศไทยเป็นอย่างดีจะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชาให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทั้งสองประเทศมีพรมแดนร่วมกันยาวกว่า 800 กิโลเมตร และมีความสัมพันธ์ฉันมิตรเป็นเวลายาวนานกว่า 74 ปี นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน อีกทั้งยังมีความคล้ายคลึงกันหลายด้าน ทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ทั้งนี้ ผู้นำของทั้งสองประเทศต่างมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการศึกษา ซึ่งในส่วนของความร่วมมือด้านการค้านั้น ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่สี่ของกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการขนส่งสินค้าข้ามแดน ความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดกรีนโนมิกส์หรือเศรษฐกิจชีวภาพ โอกาสนี้ ขอขอบคุณแรงงานชาวกัมพูชาที่เป็นกำลังสำคัญช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้พัฒนารุดหน้า นอกจากนี้ นับเป็นที่น่ายินดียิ่งที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ เชื่อมั่นว่าการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยั่งยืน สำหรับความสัมพันธ์ด้านนิติบัญญัติ รัฐสภาไทยและกัมพูชามีโอกาสพบปะหารือกันอย่างสม่ำเสมอทั้งในเวทีการประชุมระดับทวิภาคีและระดับพหุภาคี
.
เอกอัครราชทูตกัมพูชา กล่าวขอบคุณประธานวุฒิสภาที่ให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง พร้อมทั้งกล่าวสนับสนุนประธานวุฒิสภาถึงความสัมพันธ์อันดียิ่งระหว่างกัมพูชากับไทย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีประเพณี ศาสนา และวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ขอเรียนแจ้งว่าในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 จะมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ของกัมพูชาและจะมีประธานวุฒิสภาคนใหม่ เชื่อมั่นว่าวุฒิสภาไทยจะพัฒนาความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับวุฒิสภาของกัมพูชาต่อไป สำหรับความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองประเทศมีการประสานความมือกันอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ จะมีการหารือประเด็นเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และมีการลงนาม MoU เกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนและค้าขายสินค้า เพื่อบรรลุเป้าหมายมูลค่าการค้ารวม จำนวน 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี พ.ศ 2568 ในส่วนของความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว รัฐบาลกัมพูชาและไทยได้มีการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวร่วมกันระหว่าง 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว เวียดนาม และมาเลเซีย นอกจากนี้ รัฐบาลกัมพูชาขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลเอาใจใส่และให่ความคุ้มครองแรงงานกัมพูชาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 ทั้งนี้ หากมีประเด็นใดที่ต้องการผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน ยินดีที่จะช่วยประสานงานอย่างเต็มความสามารถ พร้อมนี้ได้แสดงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่เอกอัครราชทูตฯ ในประเทศไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทุกด้าน
.
ท้ายสุด ประธานวุฒิสภากล่าวว่าหากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภากัมพูชาชุดใหม่เสร็จสิ้น และมีประธานวุฒิสภากัมพูชาคนใหม่เรียบร้อยแล้ว วุฒิสภาไทยจะขอเรียนเชิญให้ประธานวุฒิสภากัมพูชาคนใหม่ นำคณะเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการต่อไป
ภาพ/ข่าว ฤทธิรณ ปัญญากาบ ทีมข่าวไทยเกอร์นิวส์ รัฐสภา รายงาน