วันนี้ (1 เมษายน 67) ที่ ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก ตำบลท่าชี อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพัฒนาศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก ตามหลักอารยเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมด้วย ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผอ.ศูนย์ ปภ. เขต 11 สุราษฎร์ธานี นายกเทศมนตรีตำบลท่าชี และส่วนราชการเข้าร่วมโครงการ
โดยโครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบถึงบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารศูนย์พักพิงฯเข้าใจหลักการบริหารจัดการและแนวทางการปฏิบัติภายในศูนย์พักพิงฯ เมื่อเกิดสาธารณภัยในพื้นที่ควบคู่ไปกับความมั่นคงทางอาหารด้วยการปลูกผักสวนครัว การสร้างชุมชนสีเขียวด้วยการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน การบริหารจัดการขยะ และสามารถขับเคลื่อนกิจกรรมภายในศูนย์พักพิงชั่วคราวได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย อีกทั้งเพื่อให้ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรักเป็นศูนย์การเรียนรู้ภัยพิบัติ และใช้ประโยชน์จากสถานที่ในการประชุมและฝึกอบรม รวมถึงการดำเนินกิจกรรมอื่น ๆของชุมชนในพื้นที่เพื่อให้เป็นศูนย์พักพิงฯ ที่มีชีวิต และสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้แก่ประชาชน
ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้กล่าวว่าสถานการณ์ภัยที่เกิดขึ้น นับวันจะทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนจำนวนมาก มีผู้ประสบภัยจำนวนมากที่อพยพมาพักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงที่หน่วยงานต่าง ๆ จัดไว้เพื่อร้องรับ ดังนั้น การบริหารจัดการศูนย์พักพิงถือเป็นแนวทางสำคัญที่จะทำให้ผู้ประสบภัยได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงซึ่งจะส่งผลให้การบริหารจัดการสาธารณภัยมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น กระทรวงมหาดไทยเห็นความสำคัญของการบริหารจัดการศูนย์พักพิง ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญที่จะทำให้ผู้ประสบภัยได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง และได้รับบริการด้านต่าง ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานอย่างเพียงพอและได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีจิตใจที่มีความพร้อมในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างปกติสุข ดังนั้น ภาครัฐต้องมีการเตรียมแผนรับมือต่อจากการอพยพในภาวะฉุกเฉินและจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวรวมทั้งมีการบริหารจัดการภายในที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศ และมีมาตรฐานเทียบเท่าสากลเพราะจะมีผลโดยตรงต่อการดำรงชีวิตและศักดิ์ศรีของผู้ประสบภัยที่จะเข้าพักพิง.