นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักข่าวไทเกอร์นิวส์ (TIGERNEWS NEWS AGENCY)

เรื่องนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักข่าวไทเกอร์นิวส์  (TIGERNEWS NEWS AGENCY)

พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๕

โดยที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่กำหนดหลักเกณฑ์ กลไก หรือมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กำหนดให้หน่วยงานและและองค์กรโดยทั่วไป ต้องคำเนินการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม ใช้งาน และเผยแพร่ ตังนั้น เพื่อให้การดำเนินการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักข่าวไทเกอร์นิวส์  (TIGERNEWS NEWS AGENCY) สอดคล้องตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นแก่เข้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม ใช้งานและเผยแพร่ สำนักข่าวไทเกอร์นิวส์  (TIGERNEWS NEWS AGENCY) จึงประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคลไว้ ตังนี้

๑. นโยบายนี้ให้ใช้บังคั่นตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ เป็นต้นไป

๒. โนนโยบายนี้

“สำนักข่าวฯ” หมายถึง สำนักข่าวไทเกอร์นิวส์  (TIGERNEWS NEWS AGENCY)

            “ข้อมูลส่วนบุคคล”  หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลผู้ถึงแก่กรรมโดยเพาะ เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินหาง เลขบัตรประกันสังคม เลขใบบอนุญาตขับขี่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต ที่อยู่ อีเมล ( email address) ทะเบียนรถนด์ P Address, Cookies, Log File เป็นต้น

“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาที่สามารถระบุตัวตนได้จากข้อมูลส่วนบุคคล และให้หมายรวมถึงผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ ผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำแทนคนไร้ความสามารถ หรือผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนคนเสมือนไร้ความสามารถ รวมตลอดทั้งผู้ที่ถือว่าเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลภายใด กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

           “คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้น โดยมีหน้าที่แตะอำนาจกำกับดูแล ออกหลักเกณฑ์ มาตรการ หรือข้อปฏิบัติอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองชัยมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒

           “การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล “ หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล (อันจะส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะใดลักษณะหนึ่งได้)  เช่น การจัดเก็บ รวบรวมการบันทึก การจัดระบบ จัดโดรงสร้าง การปรับปรุงหรือการแก้ไขข้อมูล การดึงข้อมูล การให้คำปรึกษาที่ต้องใช้ข้อมูลในการให้คำปรึกษา การใช้ข้อมูล การเปิดเผยด้วยการส่งต่อ การเผยแพร่ หรือ การกระทำใด ๆ เพื่อให้ข้อมูลสามารถเข้าถึงหรือใช้งานได้ การรวมข้อมูลเข้าด้วยกัน การดำเนินการเพื่อให้ข้อมูลสอดคล้องกัน การจำกัดการใช้งาน การลบ หรือการทำลายข้อมูล

๓. นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ สำนักข่าวฯ เป็นตังนี้

๓.๑. ข้อมูลที่มีการจัดใบ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักข่าวฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพียงเท่าที่จำเป็นและอย่างจำกัดต่อการปฏิบัติงาน ตามภารกิจของ สำนักข่าวฯ เท่านั้น ซึ่งประกอบด้วย ข้อมูลคณะกรรม การ คณะอนุกรรมการ ที่ปรึกษา เข้าหน้าที่ ลูกจ้าง ผู้ให้บริการภายนอก ผู้ร่วมทุน/ผู้ร่วมธุรกิจ ผู้รับทุน ผู้ผิดต่อ/ผู้ประสานงาน ข้อมูลชื่อผู้ใช้งานระบบสารสนเทศ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ และข้อมูลภาพเคลื่อนไหวจากการบันทีกกล้องวงจรบิดในบริเวณพื้นที่ของ สำนักข่าวฯ

๓.๒ แหล่งที่มาของข้อมูลการจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดย สำนักข่าวฯ นั้นอาจเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ข้อมูลโดยตรงกับ สำนักข่าวฯ หรืออาจเป็นในกรณีที่ สำนักข่าวฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น เช่นการรวบรวมมาจากการจัดกิจกรรมของ สำนักข่าวฯ การจัดกิจกรรมร่วมกับหน่วยงาน อื่นๆ ซึ่งเป็นผู้รวบรวมข้อมูล เป็นต้น

สำนักข่าวฯ เก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่างๆ จากแหล่งข้อมูลดังต่อไปนี้

๓.๒.๑ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ สำนักข่าวฯ เก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงในช่องทางให้บริการต่างๆ เช่น ขั้นตอนการสมัคร ลงทะเบียน สมัครงาน ลงนามในสัญญา เอกสาร ทำแบบสำรวจหรือใช้งานผลิตภัณฑ์ บริการ หรือช่องทางให้บริการอื่นที่ควบคุมดูแลโดย สำนักข่าวฯ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อสื่อสารกับ สำนักข่าวฯ ณ ที่ทำการ หรือผ่านช่องทางติดต่ออื่นที่ควบคุมดูแลโดย สำนักข่าวฯ เป็นต้น

๓.๒.๒ ข้อมูลที่ สำนักข่าวฯ เก็บรวบรวมจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใช้งานเว็บไซต์ผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่นๆ ตามสัญญาหรือตามพันธกิจ เช่นการติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการของ สำนักข่าวฯ ด้วยการใช้คุกกี้ (Cookies) หรือจากซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น

๓.๒.๓ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ สำนักข่าวฯ เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นนอกจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่แหล่งข้อมูลดังกล่าวมีอำนาจเจ้าหน้าที่ มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมายหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้วในการเปิดเผยข้อมูลแก่ สำนักข่าวฯ เช่น การเชื่อมโยงการบริการดิจิทัลของหน่วยงานของรัฐ ในการให้ข้อมูลบริการเพื่อประโยชน์สาธารณะแบบเบ็ดเสร็จแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเอง การรับข้อมูลส่วนบุคคลจากหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นในฐานะ สำนักข่าวฯ  มีหน้าที่ตามพันธกิจในการดำเนินการจัดการให้มีศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลาง เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของหน่วยงานรัฐในการให้บริการประชาชนผ่านระบบดิจิทัล รวมถึงความจำเป็นเพื่อให้บริการตามสัญญาที่อาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลกับหน่วยงานคู่สัญญาได้

นอกจากนี้ ยังหมายความรวมถึงกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแก่ สำนักข่าวฯ ดังนี้ ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งรายละเอียดตามนโยบายนี้หรือประกาศของผลิตภัณฑ์หรือบริการตามแต่กรณีให้บุคคลดังกล่าวทราบ ตลอดจนขอความยินยอมจากบุคคลนั้นหากเป็นกรณีที่ต้องได้รับความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลแก่ สำนักข่าวฯ

ทั้งนี้ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลที่มีความจำเป็นในการให้บริการของ สำนักข่าวฯ อาจเป็นผลให้ สำนักข่าวฯ ไม่สามารถให้บริการนั้นแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ทั้งหมดหรือบางส่วน

๓.๓วัตถุประสงค์ของการจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักข่าวฯ จะจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็น เพื่อปฏิบัติงานตามภารกิจของ สำนักข่าวฯ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา เพื่อพิสูจน์และยืนยันตัวตน เพื่อติดต่อสื่อสารและประสานงาน เพื่อให้เงินเดือน เงินชดเชย และสิทธิประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย และเพื่อติดตามตรวจสอบเกี่ยวกับความปลอดภัย

ทั้งนี้ สำนักข่าวฯ ได้แจ้งวัตถุประสงค์ของการจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งแก่ สำนักข่าวฯ ก่อนหรือในขณะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือตามที่กฎหมายให้สิทธิ สำนักข่าวฯ สามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ต้องให้ความยินยอม

๓.๔ ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักข่าวฯ พิจารณากำหนดฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความเหมาะสมและตามบริบทของการให้บิการ ทั้งนี้ ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ที่ สำนักข่าวฯ ใช้ ประกอบด้วย

 

 

ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูล รายละเอียด
เพื่อการดำเนินการกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือการใช้อำนาจรัฐที่ สำนักข่าวฯ ได้รับ

 

 

 

 

เพื่อให้ สำนักข่าวฯ สามารถใช้อำนาจรัฐและดำเนินภารกิจ เพื่อประโยชน์

สาธารณะหามพันธ์กิจ สำนักข่าวฯ ซึ่งกำหนดไว้ตามกฎหมาย เช่น

– พ.ร.บ. จัดตั้งกระทรวงและกรม พ.ศ. ๒๕๒๒

– พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕

-พ.ร.บ. การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล

พ.ศ. ๒๕๖๒

รวมถึง กฎ ระเบียบ คำสั่งและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อให้ สำนักข่าวฯ สามารถปฏิบัติตามที่กฎหมายที่ควบคุม สำนักข่าวฯ เช่น

– การเก็บรวบรวมข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย

การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๖o

พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐

– พ.ร.บ. ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔

– พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. ๒๕๔๕

– พ.ร.บ. สุขภาพแห่งขาติ พ.ศ. ๒๕๕๐

– พ.ร.บ. กสทช. พ.ศ. ๒๕๕๓

รวมถึง การดำเนินการตามคำสั่งตาล

เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ สำนักข่าวฯ และของบุคคลอื่น ซึ่งประโยชน์ตังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานโดยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เพื่อการรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ของ สำนักข่าวฯ หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อกิจการภายในของ สำนักข่าวฯ เป็นต้น
เป็นการจำเป็น เพื่อการป้ององกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือ สุขภาพของบุคคล เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น

การให้บริการแอปพลิเคชั่น เพื่อเฝ้าระวังโรคระบาดคามนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น

เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา เพื่อให้ สำนักข่าวฯ สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือดำเนินการอันเป็น ความจำเป็นต่อการเข้าทำสัญญา ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับ สำนักข่าวฯ เช่น การจ้างงาน จ้างทำของ การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ สัญญาในรูปแบบอื่น เป็นต้น
เพื่อการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์

วิจัยหรือสถิติที่สำคัญ

เพื่อให้ สำนักข่าวฯ สามารถจัดทำหรือสนับสนุนการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ วิจัย หรือสถิติ ตามที่ สำนักข่าวฯ อาจได้รับมอบหมาย เช่น

การจัดทำทำเนียบผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ หรือคณะกรรมการ กาจัดทำสถิติการใช้บริการดิจิทัลภาครัฐ งานติดตามการดำเนินนโยบายรัฐบาลติจิทัล เป็นต้น

ความยินยอมของท่าน เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ สำนักข่าวฯ

จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากท่าน โดยได้มีการแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้งาน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ก่อนการขอความยินยอมแล้ว เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่เป็นไปคามข้อยกเร้นมาตรา ๒๔ หรือ ๒๖  แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือ การนำเสนอ ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์และบริการของคู่สัญญาหรือ พันธมิตรทางธุรกิจแก่ท่าน เป็นต้น

 

ในกรณีที่ สำนักข่าวฯ มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเพื่อความจำเป็นในการเข้าทำสัญญา หากท่านปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลหรืคัดค้านการดำเนินการประมลผลตามวัตถุประสงค์ของกิจกรรม อาจมีผลทำให้ สำนักข่าวฯ ไม่สามารถคำเนินการหรือให้บริการตามที่ท่านร้องขอได้ทั้งหมดหรือบางส่วน

 

๓.๕ ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักข่าวฯ จะจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคลเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายที่ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทรายก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนด ระยะเวลาจัดเก็บ คือระยะเวลาที่ สำนักข่าวฯ ได้ดำเนิน ความสัมพันธ์กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และให้บริการแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และอาจจัดเก็บต่อไป ตามระยะเวลาที่จำเป็น เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง ตามกฎหมาย

ทั้งนี้เมื่อพันระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล สำนักข่าวฯ จะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุถึงตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดตามระยะเวลาที่กำหนด

๓.๖ การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักข่าวฯ จะใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ ตามนโยบายตุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กร โดยอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลท่าที่จำเป็นและจำกัด ให้แก่หน่วยงานกำกับดูแล ผู้ตรวจสอบภายนอก และหน่วยงานทางกูฎหมายหรือหน่วยงานอื่น ๆ ตามกระบวนการทางกฎหมาย รวมถึงอาจมีการเปิดเผยข้อมูลตามข้อบังคับทางกฎหมาย หรือปฏิบัติหามคำสั่งทางกฎหมาย

๓.๗ สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักข่าวฯ ให้สิทธิแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีสิทธิตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ตังต่อไปนี้

๓.๗.๑ สิทธิในการถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตลอดระยะเวลาที่ร้องมูลส่วนบุคคลอยู่กับ สำนักข่าวฯ ทั้งนี้เฉพาะกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้เคยให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลไว้กับ สำนักข่าวฯ โตย สำนักข่าวฯ จะหยุดการประมวลผลขัยมูลส่วนบุคคลนั้น และหากพิจารณาแล้วว่าไม่มีความจำเป็นหรือไม่มีฐานโดยชอบด้วยกฎหมายอื่น ๆ ที่จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น สำนักข่าวฯจะลบหรือทำตายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุถึงตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้

๓.๗.๒ สิทธิในการขอเข้าถึง และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิในการร้องขอให้เปิดเผยการได้มาของข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคลอื่น

๓.๑.๓ สิทธิในการขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไป

๓.๘.๔ สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อใดก็ได้

๓.๗.๕ สิทธิในการร้องขอให้ สำนักข่าวฯ ลน หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สมารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้

๓.๗.๖ สิทธิในการขอให้ สำนักข่าวฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลไต้

๓.๗.๘ สิทธิในการร้องเรียน  กรณีที่สำนักข่าวฯ หรือเจ้าหน้าที่ หรือผู้รับข้างของ สำนักข่าว    ฯ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตังกล่าว จะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลมูลส่วนบุคคลที่ สำนักข่าวฯ ได้ตำเนินการไปแล้วโดยชอบก่อนการปฏิบัติตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี สำนักข่าวฯ อาจพิจารณาไม่ดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่มีข้อยกเว้นตามกฎหมาย หรือสัญญา เพื่อประโยชน์ของเข้าของรังมูลส่วนบุคล หรือเป็นการประมวลผล หรือเป็นการปฏิบัติตาคำสั่งศาล หรือหาก สำนักข่าวฯ คำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น โดย สำนักข่าวฯจะคำเนินการบันทึกคำร้องขอ ตรวจสอบ และตอบกลับคำร้องขอ ภายในระยะเวลาอันสมควร

๓.๘ มาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

๓.๘.๑ สำนักข่าวฯ จะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการสูดูหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไขหรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานของ สำนักข่าวฯ และมาตรฐานที่รับรองโดยทั่วไป รวมถึงการกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของ สำนักข่าวฯ เข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ในการนี้ สำนักข่าวฯ จะมีการสอบทานและปรับปรุงมาตรการตังกล่าวตามความจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 

๓.๘.๒. กำหนดนโยบายและขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ เพื่อการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย และป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตที่ สำนักข่าวฯ ตำเนินการมีดังนี้

๓.๘.๒.๑ กำหนดนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เพื่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

๓.๘.๒.๒ จำกัดสิทธิของเจ้าหน้าที่ของ สำนักข่าวฯ ไนการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

๓.๘.๒.๓ ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยใช้การเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบตัวตน และเทคโนโลยีการตรวจจับไวรัส ตามความจำเป็นตามมาตรฐานสากล

๓.๘.๒.๔ กำหนดให้คู่ค้าที่ทำธุรกิจกับ สำนักข่าวฯ มีหน้าที่ในการรักษาความลับ และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ตามกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด รวมถึงกำหนดข้อจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในสัญญาที่องค์กร ทำกับคู่สัญญา

๓.๔.๒.๕ ประเมินผลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การจัดการข้อมูล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของ สำนักข่าวฯ อย่างสม่ำเสมอ

๓.๙ คุกกี้

สำนักข่าวฯ เก็บรวบรวมและใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกันในเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของ สำนักข่าวฯ เช่น ww.tigernews.tv หรือบนอุปกรณ์ของท่านตามแต่บริการที่ ท่านใช้งาน ทั้งนี้เพื่อการดำเป็นการต้านความปลอดภัยในการให้บริการของ สำนักข่าวฯ และเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งานได้รับความสะดวก และประสบการณ์ที่ดี ในการใช้งานบริการของ สำนักข่าวฯ และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของ สำนักข่าวฯ ให้ตรงกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น โดยท่านสามารถตั้งค่าหรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเองจากการตั้งค่าในเร็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ของท่านโดยนโยบายคุกกี้ (Cookies Policy)

๓.๑๐ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถและคนเสมือนไร้ความสามารถ

กรณีที่ สำนักข่าวฯ ทราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมในการเก็บรวบรวมเป็นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ สำนักข่าวฯ จะไม่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น จนกว่าจะได้รับความยินยอมยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

กรณีที่ สำนักข่าวฯ ไม่ทราบมาก่อนว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ และมาพบในกายหลังว่า สำนักข่าวฯ ได้เก็บรวบรวมข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตังกล่าวโดยยังมิได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี ตังนี้ สำนักข่าวฯ จะดำเนินการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยเร็วหาว สำนักข่าวฯ ไม่มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายประการอื่น นอกเหนือจากความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้งาน หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

๓.๑๑ การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

ในบางกรณี สำนักข่าวฯ อาจจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ  เพื่อคำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ท่าน เช่น เพื่อส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังระบบคลาวด์ ( Cloud ) ซึ่งมีแพลตฟอร์มหรือเครื่องแม่ข่าย ( Sever ) อยู่ต่างประเทศ (เช่น ประเทศสิงคโปร์ หรือสหรัฐอเมริกา ( เป็นตัน) เพื่อสนับสนุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริการของ สำนักข่าวฯ ที่ท่านใช้งานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นรายกิจกรรม

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จัดทำนโยบายฉบับนี้ คณะกรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลยังมิให้มีประกาศกำหนดรายการประเทศปลายทางที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ดังนี้เมื่อ สำนักข่าวฯ มีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านไปยังประเทศปลายทาง สำนักข่าวฯ จะตำเนินการเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอดามมาตรฐานสากลหรือดำเนินการตามเงื่อนไข เพื่อให้สามารถส่งหรือโอนข้อมูลนั้นได้ตามกฎหมาย ได้แก่

๓.๑๑.๑ เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้ สำนักข่าวฯ ต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

๓.๑๑.๒ ได้แจ้งให้ทำนทราบและได้รับความยินยอมจากท่าน ในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ตามประกาศรายชื่อประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลประกาศกำหนด

๓.๑๑.๓ เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญากับ สำนักข่าวฯ หรือเป็นการทำตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญานั้น

๓.๑๑.๔ เป็นการกระทำตามสัญญาของ สำนักข่าวฯ กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของท่าน

๓.๑๑.๕ เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือของบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้

๓.๑๑.๖ เป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

๓.๑๒ การเชื่อมต่อเว็บไซต์หรือบริการภายนอก

บริการของ สำนักข่าวฯ อาจมีการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลที่สาม ซึ่งเว็บไซต์

หรือบริการดังกล่าวอาจมีการประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีเนื้อหาสาระแตกต่างจากนโยบายนี้ สำนักข่าวฯ ขอแนะนำให้ท่านศึกษานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือบริการนั้นๆ เพื่อทราบในรายละเอียดก่อนกการเข้าใช้งาน ทั้งนี้ สำนักข่าวฯ ไม่มีความเกี่ยวข้องและไม่มีอำนาจควบคุมถึงมาตรการคุมครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือบริการดังกล่าวและไม่สามารรับผิดชอบต่อเนื้อหา นโยบาย ความเสียหาย หรือการกระทำอันเกิดจาดเว็บไซต์ หรือบริการของบุคคลที่สาม

๓.๑๓ สิทธิของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒

พระราชปัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้หลายประการ ทั้งนี้ สิทธิตังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อกฎหมายในส่วนของสิทธินี้มีผลใช้บังคับโดย สำนักข่าวฯ  ได้ดำเนินการกำหนดสิทธิและขี้แจงรายละเอียดของสิทธิต่าง ๆ อ้างอิงตามแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Guideline)

๓.๑๔ การทบทวนนโยบายตุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักข่าวฯ มีนโยบายในการพัฒนาและทบทวนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่เสมอ เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีประสิทธิภาพ และเป็นไปผามหลักธรรมาภิบาลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำนักข่าวฯ จึงอาจปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายฉบับนี้อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่สำคัญ โดยองค์กรจะประกาศไว้ที่เว็บไซต์ของสำนักข่าวฯ และ/หรือช่องทางอื่น ๆ ตามที่สำนักข่าวฯ เห็นสมควร สำนักข่าวฯ จึงขอแนะนำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอ่านโยบายของ สำนักข่าวฯ ทุกครั้งที่มีกาปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไข

๓.๑๕ การติดต่อกับสำนักข่าวฯ

ในกรณีที่ข้อของข้อมูลส่วนบุคคลมีข้อสงสัย มีข้อเสนอแนะ ต้องการร้องขอ ร้องเรียน หรือพบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชัยมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อเพื่อแจ้งให้ สำนักข่าวฯ ได้รับ

ทราบตามที่อยู่ต้นล่างนี้

ที่อยู่: เลขที่ ๒๐๐/๕  หมู่ ๕  สำนักข่าวไทเกอร์นิวส์  (TIGERNEWS NEWS AGENCY) หมู่บ้าน ลภาวัน๑๗  ตำบล  บางรักน้อย  อำเภอ  เมืองนนทบุรี  จังหวัด  นนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทรศัพท์: ๐๒ ๐๖ ๗๘๙๕  E-mail: [email protected]

ทั้งนี้ สำนักข่าวฯ ได้มีการดำเนินการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มตรองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection

Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการตำเนินงานของหน่วยงานภายใน และผู้ให้บริการภายนอกที่ ทำหน้าที่

ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่องค์กร ให้ปฏิบัติคามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและ

กฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ